เปลี่ยนจากพนักงานคนเก่งสู่หัวหน้างานคนใหม่ เก่งคนเดียวไม่พอ ต้องเก่งทั้งทีม

การก้าวจาก “คนเก่ง” ที่ใครๆ ก็ไว้ใจให้ลงมือทำเอง ไปสู่ “หัวหน้างาน” ที่ต้องพึ่งพาคนอื่น นับเป็นการเปลี่ยนผ่านที่ท้าทายไม่น้อย โดยเฉพาะสำหรับคนที่เคยชินกับความสำเร็จจากสองมือของตัวเอง หลายคนเข้าใจว่าแค่ได้ตำแหน่งใหม่ ก็น่าจะพอแล้ว แต่ในความเป็นจริง บทบาทนี้คือการเดินเข้าสู่สนามใหม่ ที่ต้องใช้หัวใจ ความคิด และทักษะที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

ปัญหาที่มักเกิดขึ้นคือ คนเก่งมักยังติดอยู่กับความคิดเดิม ๆ ว่า “เราทำเองเร็วกว่าดีกว่า” หรือ “จะไว้ใจใครให้ทำแทนได้จริงหรือ” จึงลงมือทำเองเกือบทุกเรื่อง ไม่กล้ามอบหมาย ไม่เปิดโอกาสให้ทีมได้ลองผิดลองถูก เพราะกลัวเสียหน้า กลัวไม่สมบูรณ์แบบ สุดท้ายเลยเหนื่อยคนเดียว และทีมก็ไม่เติบโต

หนังสือ The Leadership Pipeline พูดถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจนว่า ความเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นมี 3 ด้านหลัก ซึ่งถ้าไม่ปรับเปลี่ยนให้ชัดเจน หัวหน้างานใหม่ก็จะกลายเป็น “คอขวด” ที่ทำให้การพัฒนาผู้นำในองค์กรติดขัด

การเปลี่ยนผ่าน 3 มิติสำคัญที่ต้องก้าวผ่านให้ได้

  1. Work Values – ค่านิยมในการทำงาน:
    หัวหน้าที่ดีต้องเริ่มให้คุณค่ากับการ “สร้างผลงานผ่านคนอื่น” ไม่ใช่ “ลงมือทำเองทุกอย่าง” ถามตัวเองทุกเช้าว่า “วันนี้ทีมของฉันจะเดินไปข้างหน้าได้อย่างไร” แทนที่จะถามว่า “วันนี้ฉันจะทำอะไรให้เสร็จ”
  2. Time Application – การใช้เวลา:
    จากเดิมที่ใช้เวลาทำงานด้วยตนเอง ต้องหันมาใช้เวลากับการบริหาร วางแผนงาน ประชุม สื่อสาร และสนับสนุนทีม จุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ที่การจัดสรรเวลาให้กับคน ไม่ใช่แค่กับงาน
  3. Skills – ทักษะ:
    หัวหน้าคนใหม่ต้องพัฒนาทักษะที่ไม่เคยได้ใช้มาก่อน เช่น:
    • การออกแบบงาน (Job Design)
    • การคัดเลือกคนให้เหมาะกับงาน (Selecting)
    • การมอบหมายงานและติดตาม (Delegating)
    • การโค้ชและให้คำแนะนำ (Coaching)
    • การให้ข้อเสนอแนะที่สร้างสรรค์ (Giving Feedback)
    • การบริหารผลงาน (Performance Management)
    • การสื่อสารและสร้างบรรยากาศให้ทีมกล้าคิด กล้าทำ (Communicating & Climate Setting)
    • การสร้างทีมให้แข็งแรงและอบอุ่น (Team Building)
    • การสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ทีมกล้าแสดงออก (Psychological Safety)

The Job to Be Done – งานที่หัวหน้างานต้องทำ:

  • วางแผน กำหนดทิศทาง และสื่อสารให้ทีมเห็นเป้าหมายเดียวกัน (Plan and Set Direction)
  • มอบหมายงานและให้อำนาจทีมแบบมีกรอบที่ชัดเจน (Empower the Team)
  • สร้างทีมที่ไว้ใจกัน กล้าพูด กล้าคิด และกล้าลงมือ (Build the Team and Psychological Safety)
  • รับผิดชอบต่อผลงานของทีม ไม่ใช่แค่ตัวเอง (Be Accountable for Team Results)
  • และสำคัญที่สุดคือ ต้องมีทัศนคติแบบผู้นำ: กล้ารับ กล้าช่วย และพร้อมปรับ (Take Charge, Help the Team, Be Flexible)

เพราะการเป็นหัวหน้า ไม่ได้วัดกันที่ผลงานส่วนตัวอีกต่อไป แต่วัดกันที่ว่า “คุณทำให้ทีมไปได้ไกลแค่ไหน” นั่นต่างหากที่เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จที่แท้จริง

ในวันที่คนเก่งเริ่มหัดฟัง หัดส่งไม้ต่อ หัดวางมือ และหัดวางใจ เขาก็จะค่อย ๆ เติบโตเป็นผู้นำที่ทีมไว้ใจ และองค์กรก็มีผู้นำที่ต่อยอดได้อย่างยั่งยืน

ใส่ความเห็น

บลอกที่ WordPress.com .

ขึ้น ↑