อุปนิสัยอะไรบ้าง ที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จได้จริง

ความสำเร็จเป็นสิ่งที่คนเราทุกคนอยากได้ ทุกคนล้วนมีเป้าหมายของความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การทำงาน ครอบครัว ฯลฯ แต่เคยคิดบ้างหรือไม่ว่าทำไมบางคนจึงประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย แต่บางคนกลับมีแต่ความฝัน แต่ไม่เคยที่จะประสบความสำเร็จตามที่ต้องการได้เลย

อ่านเพิ่มเติม “อุปนิสัยอะไรบ้าง ที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จได้จริง”

ความคิดเหล่านี้ อย่าคิดดีกว่า มันเสียเวลาในชีวิตโดยเปล่าประโยชน์

ชีวิตของเรานั้น ถ้านับกันเป็นจำนวนวันแล้ว เขาว่ากันว่า เฉลี่ยเรามีชีวิตอยู่ประมาณ 80 ปี ซึ่งถ้าเราคิดเป็นวันแล้ว เรามีเวลาทั้งชีวิตอยู่เพียง 29,200 วัน เห็นตัวเลขนี้แล้วรู้สึกอย่างไรกันบ้างครับ ผมเห็นตัวเลขนี้ครั้งแรก รู้สึกว่า ทำไมชีวิตเราช่างสั้นจัง มีเวลาเพียงสองหมื่นกว่าวันเท่านั้นเอง แล้วในสองหมื่นกว่าวันนี้ เป็นเวลาที่ใช้นอนอย่างเดียว อีกประมาณหนึ่งในสาม ที่เหลือก็คือเวลาที่เราใช้ชีวิตจริงๆ

แล้วเราใช้ชีวิตของเราได้คุ้มค่าหรือไม่ ในแต่ละวัน เราทำอะไร คิดอะไรบ้าง ที่ทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นได้บ้าง หรือมีแต่คิดในสิ่งที่ไม่ดี คิดถึงแต่อะไรที่ไร้สาระ คิดเพื่อให้คนอื่นเดือดร้อน แต่ตนเองสะใจ ฯลฯ ใครที่คิดแบบนี้ ลองเปลี่ยนแนวคิดใหม่ดูนะครับ เผื่อจะทำให้จำนวนที่เหลืออยู่ในชีวิตเรานั้น มีชีวิตที่คุ้มค่า และดีขึ้นได้บ้าง

ความคิดแบบไหนบ้าง ที่คิดแล้วไม่มีประโยชน์อะไรกับตัวเองเลย แถมยังทำให้ตัวเองแย่ลงไปอีก ลองมาดูกันครับ

  • คิดว่า คนอื่นจะคิดอย่างไรกับเรา ความคิดแบบนี้ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราเลย คนที่ชอบนั่งคิด นั่งสงสัยว่า คนอื่นจะคิดอย่างไรกับเราบ้าง จะชอบเราหรือเปล่า หรือเกลียดเราหรือเปล่า เขาจะแคร์เรามั้ยน้า หรือเขาจะรู้สึกอย่างไรกับเรา ฯลฯ คิดแบบนี้มีแต่จะทำให้เราเสียเวลา เพราะเราก็จะคิดไปเองเรื่อยเปื่อย โดยไม่มีประโยชน์กับชีวิตของตนเองเลย ถามว่า คิดไปแล้วชีวิตเราได้อะไรที่ดีขึ้นหรือเปล่า
  • คิดว่า รู้งี้ทำแบบนั้นดีกว่า ความคิดแบบนี้ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับการทำให้ตนเองดีขึ้น ใครที่ชอบจมอยู่กับความคิดที่ว่า รู้แบบนี้ไม่ทำดีกว่า หรือรู้แบบนี้ทำแบบนั้นดีกว่า คิดแบบนี้มันไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย เพราะเราก็ทำไปแล้ว แต่ถ้าคิดแล้วรู้แล้ว และหาทางในการป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น แบบนี้ก็ถือได้ว่ามีประโยชน์กับเราอยู่บ้าง
  • คิดว่าจะมีแต่สิ่งไม่ดีเกิดขึ้นกับเรา บางคนชอบคิดวนเวียนว่าสิ่งที่ไม่ดีจะต้องเกิดขึ้นกับเราแน่ๆ เลย ก็เลยเกิดอาการกลัว ไม่กล้าทำอะไร และมักจะย้ำคิดแบบเดิมเสมอ ซึ่งมีแต่จะทำให้เราเสียสุขภาพจิตเปล่าๆ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
  • คิดโทษแต่อย่างอื่นที่เราควบคุมไม่ได้ บางคนเวลาทำอะไรไม่สำเร็จ หรือมีปัญหาในการทำงาน ก็มักจะคิดโทษโน่นโทษนี่ ลม ฟ้า อากาศ อุณหภูมิต่างๆ หนักไปกว่านั้นหน่อย ก็โทษไปที่ดวงดาว การคิดแบบนี้เป็นการโทษไปในสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้เลย รังแต่จะทำให้เรายิ่งเครียด และคิดมากเข้าไปอีก บางคนบอกว่าคิดแบบนี้ก็เหมือนกับการปลง ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับตนเองอีกเช่นกัน
  • คิดวนเวียนอยู่กับความผิดพลาดในอดีต บางคนใช้เวลาไปกับการคิด และจมปลักอยู่กับความผิดพลาดของตนเองในอดีตที่ผ่านมา คิดวนเวียนอยู่ตลอดในเรื่องนี้ คิดว่าทำไมต้องเป็นเรา ทำไมเราต้องเจอแต่เรื่องไม่ดี ทำไม ทำไม ทำไม แล้วใครจะตอบได้ล่ะครับ

ความคิดทั้ง 5 ประการที่เขียนไว้ข้างต้นนั้น เป็นความคิดที่ไม่มีประโยชน์อะไรกับตัวเองเลย รังแต่จะทำให้เราเสียสุขภาพจิตมากขึ้นไปอีก แต่ผมเชื่อว่าอาจจะมีบางท่านแย้งว่า ก็มันจะคิด จะห้ามได้อย่างไร ผมคิดว่าอยู่ที่สติของเรานี่แหละครับ ถ้าเรามีสติ รู้ตัวเองอยู่ตลอด ก็จะทำให้เรารู้ว่า ขณะนี้เรากำลังคิดในแบบที่ไม่ดีต่อตนเองอยู่ ดังนั้นจงเปลี่ยนความคิดซะ ให้คิดไปในทางที่ดี และทำให้เรามีความสุขจะดีกว่า

อย่าลืมว่าวันเวลาในชีวิตของเรานั้นมันสั้นนัก จงใช้สมองที่เรามีอยู่ คิดในสิ่งที่ดีๆ กับตัวเราจะดีกว่า คิดแต่สิ่งที่จะทำให้เราเจริญก้าวหน้า และได้ประโยชน์ คิดไม่ดีได้บ้าง แต่ก็อยากจมปลักอยู่กับความคิดนั้นนานนัก

สมองและความคิดของเรานั้น ใช้มันให้เป็นประโยชน์จะดีกว่าครับ

พนักงานที่เป็น Key Talent ตัวจริง เขามีวิธีคิดและวิธีการทำงานอย่างไร

ในการทำงานนั้น ผมเชื่อว่าทุกคนล้วนต้องการมีผลงานที่ดีกันทั้งนั้น คงไม่มีใครที่มาทำงานแล้วไม่อยากสร้างผลงานที่ดี เพียงแต่การทำงานเพื่อให้ได้ผลงานที่ดีนั้น มันเป็นสิ่งที่อาจจะยากอยู่บ้าง เพราะผลงานที่ดีนั้น มันมีองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผลสำเร็จของตัวงานเอง ซึ่งอาจจะวัดได้จากตัวชี้วัดผลงานที่องค์กรได้กำหนดขึ้น รวมทั้งพฤติกรรมบางอย่างที่ต้องแสดงออก ให้สอดคล้องกับค่ายนิยมขององค์กร และสอดคล้องกับผลลัพธ์ในการทำงานที่ต้องการ

เคยคิดหรือไม่ครับว่า ทำไมพนักงานในองค์กรจึงมีผลงานที่แตกต่างกัน บางคนผลงานดีมาก และก็สามารถทำได้ดีมาโดยตลอด บางคนผลงานเรื่อยๆ บางคนผลงานค่อนข้างจะต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ แล้วคนที่มีผลงานดีมาโดยตลอดนั้น เขามีวิธีการทำงานอย่างไรกันบ้าง เคยสงสัยหรือไม่ครับ วันนี้ก็เลยนำเอาแนวทางของพนักงานที่มีผลงานที่ดีมาโดยตลอดในองค์กร มาเล่าสู่กันฟังว่าเขาทำตัวอย่างไร มีพฤติกรรมอย่างไร ลองอ่านดูนะครับ

  • เป็นคนแบบ Proactive คนที่มีผลงานที่ดีตลอดเวลานั้น เท่าที่สอบถามมาจะพูดเหมือนกัน ก็คือ จะมีพฤติกรรมแบบที่เรียกกว่า Proactive ก็คือ คิดล่วงหน้า ทำล่วงหน้าไปก่อน ไม่ Reactive ก็คือ ไม่ทำตัวสบายๆ ไปตามสถานการณ์ เช่นเวลาเจอความยุ่งยากในการทำงาน คนที่ Proactive ก็จะคิดวางแผนเพื่อไม่ให้ความยุ่งยากนั้นมามีส่วนทำให้ผลงานของเขาแย่ลง แต่คนที่ Reactive ก็มักจะบ่น และมักจะโทษเหตุการณ์อื่นๆ จากภายนอก และบอกว่า มันมีข้อจำกัดมากมายที่ทำให้ไม่สามารถทำงานนั้นๆ ได้
  • เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นสูง พนักงานที่มีผลงานดี จะมีคุณสมบัติเหมือนกันอยู่อีกอย่างหนึ่งก็คือ เป็นคนที่กัดไม่ปล่อย เวลาตั้งใจจะทำงานอะไรให้สำเร็จแล้ว จะพยายามสูงมาก และมีความมุ่งมั่นที่จะสำเร็จสูงมาก ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไร หรือมีอุปสรรคอะไรเข้ามา ก็ไม่สามารถทำให้ความมุ่งมั่นนั้นลดลงไปได้เลย ผิดกับคนที่ผลงานไม่ค่อยดีเวลาพบเจอกับปัญหา ก็มักจะถอดใจ ไม่สู้ และปล่อยให้ความสำเร็จหลุดลอยไป
  • เป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดี คนที่ผลงานดี มักจะเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี เป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย และสามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้อย่างราบรื่น ไม่เกิดปัญหาในการทำงาน และไม่เกิดความขัดแย้งที่รุนแรงในการทำงาน เนื่องจากการทำงานในองค์กรนั้น สิ่งสำคัญก็คือ เราไม่สามารถที่จะทำงานคนเดียวได้เลย เราต้องอาศัยคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า ลูกน้อง ฯลฯ ซึ่งต้องทำงานสอดประสานกันได้อย่างดี การที่พนักงานคนนั้นมีผลงานที่ดีก็เนื่องจากสามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้อย่างดีด้วย สามารถที่จะสร้างผลงานโดยอาศัยความร่วมมือจากคนอื่นได้
  • ชอบรับฟัง Feedback จากคนอื่น คนที่มีผลงานที่ดี จะมีจุดเด่นอีกประการหนึ่งก็คือ เวลาที่ทำงานออกมาแล้ว มักจะชอบให้หัวหน้าของตนเองนั้น ช่วย Feedback ว่าผลงานที่ทำออกมานั้นเป็นอย่างไร เรื่องที่ดี ก็รับทราบ แต่สิ่งที่เขาอยากรู้ก็คือ อะไรบ้างที่ต้องปรับปรุงมากกว่า ซึ่งสิ่งที่เขาคิดก็คือ ถ้าอยากที่จะมีผลงานที่ดี จะต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพื่อเอามาปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้นอยู่เสมอ ดังนั้น เขาจะไม่กลัวที่จะได้รับ Feedback ที่ไม่ดีจากนาย เพราะสิ่งที่นายบอกว่าไม่ดีนั้น ถือเป็นขุมทรัพย์ที่สำคัญในการนำมาพัฒนารตนเองให้ดีขึ้นไปอีก
  • ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ คนที่มีผลงานที่ดี จะเป็นคนที่ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่ค่อยหยุดนิ่งในเรื่องของความรู้ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน หรือความรู้ข้างๆ ที่มีผลต่อการทำงานให้ดีขึ้น ก็จะพยายามศึกษา เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เพราะเขาทราบดีว่า การที่ทำผลงานให้ได้ดีนั้น รู้เท่าเดิม ทำงานแบบเดิม ไม่ได้แน่ๆ เพราะทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ความรู้ในการทำงานก็เช่นกัน จะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมอยู่เสมอ ไม่ปล่อยให้ตัวเองรู้เท่าเดิมอยู่ตลอดเวลา ถ้าเป็นแบบหลังจริงๆ ผลงานก็คงไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ เพราะจะให้ดีได้อย่างไร ในเมื่อทุกอย่างรู้เท่าเดิม รู้เหมือนเดิมเมื่อเทียบกับวันแรกที่ทำงาน

ใครที่อยากมีผลงานที่ดี และมีความคงเส้นคงวา ก็ลองนำเอาพฤติกรรมเหล่านี้ไปปรับใช้ดูได้นะครับ เพราะพฤติกรรมเหล่านี้ มาจากพนักงานที่มีผลงานที่ดีมาบอกเล่าให้เราฟังกัน แสดงว่าผ่านการพิสูจน์มาแล้วระดับหนึ่งว่า ทำแล้วผลงานดีขึ้นอย่างต่อเนื่องแน่นอนครับ

ขอเพียงแค่ลงมือทำมันทุกวันเท่านั้นเองครับ

บลอกที่ WordPress.com .

Up ↑