บทความที่แล้ว ที่เขียนไว้ เกี่ยวกับการเลื่อนตำแหน่งพนักงานคนเก่ง ให้เป็นหัวหน้าทีม จาก Leading Self สู่ Leading Others นั้น หน้าที่ความรับผิดชอบหลักของการที่จะเป็นผู้นำทีม หรือหัวหน้างานระดับต้นนั้น จะเปลี่ยนไปจากการทำหน้าที่ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ หรือพนักงานโดยสิ้นเชิง
เพื่อ Leading Others หรือ เป็นผู้นำทีมปฏิบัติงานโดยตรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ หน้าที่สำคัญ ๆ มีดังนี้
- กำหนดทิศทางให้ทีม วางแผนงาน, ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน
- มอบหมายงานและให้อำนาจการตัดสินใจแก่สมาชิกในทีม
- พัฒนาสมาชิกในทีมผ่านการโค้ชแบบ real-time
- ติดตามผลการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด
- สร้างทีมที่แข็งแกร่งและผูกพัน
- สื่อสารและประสานงานกับหัวหน้าระดับบนและเพื่อนร่วมงาน
ดังนั้น ถ้าเรามีพนักงานเก่ง ๆ ที่คิดว่าจะเลื่อนตำแหน่งให้เขาขึ้นเป็นหัวหน้าทีม ต้องอย่าลืมพูดคุยกับพนักงานคนนั้นถึงการเติบโต หน้าที่ความรับผิดชอบที่เปลี่ยนแปลงไป และแนวทางในการพัฒนาก่อนที่จะเลื่อนตำแหน่งว่าจะต้องพัฒนาอะไรบ้าง
เพื่อพัฒนาพนักงานที่ทำงานเก่ง (individual contributor) ให้พร้อมเติบโตเป็น Leading Others หรือหัวหน้าทีมปฏิบัติงานโดยตรง ควรวางแผนพัฒนาอย่างเป็นระบบ โดยใช้แนวทางของ KSA (Knowledge – ทักษะ – ทัศนคติ) ประกอบกับ transition requirements จาก Leadership Pipeline ได้ดังนี้
1. Knowledge ความรู้ที่จำเป็น ความรู้พื้นฐานด้านการบริหารคน เช่น
- ขั้นตอนการมอบหมายงาน (delegation process)
- การให้คำปรึกษาและโค้ชทีม
- การตั้งเป้าหมายแบบ SMART
- กระบวนการประเมินผลและติดตามงาน
ต้องมีความเข้าใจในบทบาทหัวหน้า: บทบาทไม่ใช่แค่ “เก่งงาน” แต่ต้อง “สร้างทีมให้เก่ง” ความเข้าใจวัฒนธรรมองค์กร และวิธีสร้างทีมที่มี engagement
2. Skills ทักษะที่ต้องพัฒนาก่อนเลื่อนตำแหน่ง
- การสื่อสารเพื่อการนำทีม (Communication for Leadership)
- ฟังอย่างลึกซึ้ง (active listening)
- ทักษะการโค้ช (Coaching skills)
- การให้ feedback อย่างสร้างสรรค์ รู้จักให้ทั้ง positive & developmental feedback
- การมอบหมายงานและติดตาม (Delegation & Follow-up)
- การบริหารผลงานและแรงจูงใจ (Performance & Motivation Management)
3. Attitude & Work Values ทัศนคติที่ต้องปรับ
- จาก “เก่งงาน” สู่ “อยากให้คนอื่นเก่ง”
- จาก “ฉันทำเองเร็วกว่า” สู่ “ฉันจะทำให้ทีมทำให้ได้”
- เห็นคุณค่าของการทำงานผ่านคน ไม่ใช่ทำเองคนเดียว
- กล้าเผชิญปัญหาคน กล้า feedback
- พร้อมรับผิดชอบต่อผลงานทั้งทีม ไม่ใช่แค่ส่วนของตัวเอง
แนวทางในการพัฒนา (Development Methods) ใช้แนวทาง 70 20 10 ในการวางแผนพัฒนา
1. Learning by Doing (70%)
- มอบหมายโปรเจกต์ที่ต้องประสานงานกับคนอื่น
- ให้ทดลองเป็นหัวหน้าชั่วคราว (acting supervisor)
- ให้มีบทบาท mentoring รุ่นน้อง
2. Learning from Others (20%)
- โค้ชโดยหัวหน้าปัจจุบัน (line manager)
- shadow หัวหน้าทีมคนอื่น
- เรียนรู้จากบทเรียนของหัวหน้าที่ล้มเหลวและสำเร็จ
3. Formal Training (10%)
- หลักสูตรหัวหน้าระดับต้น (First-time Leader Program)
- Training ด้าน Coaching, Feedback, Communication, Delegation
ตัวอย่าง เป้าหมายในการพัฒนา (Development Goals)
| ลำดับ | เป้าหมายการพัฒนา | KSA | วิธีการพัฒนา | ระยะเวลา | ตัวชี้วัดความสำเร็จ |
| 1 | พัฒนาทักษะการมอบหมายงานและติดตามผล | Skill | – มอบหมายโปรเจกต์ย่อยให้รุ่นน้อง – โค้ชโดยหัวหน้า – เรียนหลักสูตรการบริหารงาน | 2 เดือน | – มีบันทึกการติดตามงาน – ทีมเข้าใจบทบาท – Feedback จากหัวหน้า |
| 2 | เพิ่มทักษะการให้ feedback อย่างสร้างสรรค์ | Skill | – เข้าร่วม workshop: Giving Feedback – โค้ชโดยหัวหน้า – ฝึก feedback รายบุคคล | 1 เดือน | – มีการให้ feedback อย่างน้อย 3 ครั้ง – ทีมรับรู้ feedback อย่างชัดเจน |
| 3 | สร้างทัศนคติผู้นำ: จากเก่งงาน → สร้างทีมเก่ง | Attitude | – Reflection กับหัวหน้ารายเดือน – Mentoring รุ่นน้อง 1 คน | 3 เดือน | – หัวหน้าให้คะแนนการเปลี่ยน mindset – ทีมรับรู้ความเป็นผู้นำ |
| 4 | เข้าใจบทบาทผู้นำทีมในองค์กร | Knowledge | – เรียนรู้ Job Description & KPIs ของหัวหน้าทีม – เข้าร่วมประชุมหัวหน้าร่วมกับหัวหน้า | 1 เดือน | – ทำ checklist หน้าที่หัวหน้าได้ครบถ้วน – เข้าใจเป้าหมายของทีม |
| 5 | ทดลองบริหารทีมในสถานการณ์จริง | Skill + Attitude | – Acting Supervisor ระยะสั้น 1 เดือน – รับผิดชอบงานประสานทีมช่วงหัวหน้าลาพัก | 1 เดือน | – ประเมินผลการบริหารทีมโดยหัวหน้า – Feedback จากเพื่อนร่วมที |
ใส่ความเห็น