กระบวนการบริหารทรัพยากรบุคคลที่เป็นกระบวนการแรก ก็คือ การสรรหาและคัดเลือกพนักงานเข้าทำงานในองค์กรนั้น หลายคนอาจจะบอกว่า ก็ไม่เห็นจะยากอะไร ก็แค่ไปหาผู้สมัครที่มีคุณสมบัติพร้อม และตรงกับที่กำหนดไว้ แล้วก็เข้าสู่กระบวนการในการคัดเลือก เพื่อให้ได้พนักงานที่ดี และเหมาะสมที่สุด
ในทางปฏิบัติแล้ว นี่เป็นด่านแรกที่สำคัญมากที่สุด เพราะถ้าเราได้คนที่ดี มีความเหมาะสมกับงานและองค์กร ผลงานทั้งของพนักงานและองค์กรก็จะออกมาดี และองค์กรเองก็สามารถพัฒนาไปได้อย่างต่อเนื่อง
ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราได้คนที่ไม่เหมาะเข้ามาทำงาน สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ ปัญหาในการทำงานแบบไม่รู้จบ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องผลงาน ปัญหาเกี่ยวกับทัศนคติของพนักงาน ปัญหาด้านพฤติกรรมในการทำงาน ยิ่งไปกว่านั้น อาจจะเป็นปัญหาเรื่องของการสร้างบรรยากาศที่ไม่ดีในการทำงานได้อีกด้วย นี่แค่จากพนักงานที่ไม่เหมาะสมเพียงคนเดียวเท่านั้น
ดังนั้นในการสรรหาและคัดเลือกพนักงานเข้าทำงานกับบริษัทนั้น จะต้องทำด้วยความรอบคอบ คิดให้ดี คิดให้นาน วางแผนให้ดี ไม่ใช่หาเร็วๆ เพราะว่าเกิดความขาดแคลนแรงงาน
ประสบการณ์เมื่อช่วงก่อนโควิด บริษัทแห่งหนึ่ง เพิ่งจะเปิดโรงงานใหม่ และเนื่องจากต้องการคนทำงานด่วนมาก ก็เลยรีบ ๆ หาคน และรับคน โดยที่ไม่พิจารณาให้ถี่ถ้วน เนื่องจากการขาดการวางแผนเรื่องกำลังคนที่ดีตั้งแต่แรก ผลก็คือ คนที่รับเข้ามานั้น เป็นพนักงานที่สร้างปัญหาให้กับองค์กรมากมาย ผลงานไม่เกิด งานไม่เดิน วันๆ เอาแต่เรียกร้องสิ่งต่างๆ กับบริษัท และยังสร้างความร้าวฉานให้เกิดขึ้นระหว่างหน่วยงานอีกด้วย สืบไปสืบมา บรรดาหัวโจกพนักงานที่รับเข้ามานั้น เป็นกลุ่มพนักงานที่ได้รับ Black List มาจากโรงงานแถวๆ นั้น โดยที่บริษัทนี้ไม่รู้เรื่องใดๆ เลย
ผลก็คือผลงานในช่วงปีนั้น ไม่เกิดอะไรดีขึ้นเลย แถมยังมีแต่ปัญหาที่ต้องตามแก้ไม่รู้จบ สาเหตุแค่เพียงการรีบรับคนเข้าทำงานอย่างเร่งด่วน โดยไม่พิจารณาให้ดีเสียก่อน
เมื่อบริษัททราบถึงสาเหตุแล้ว ก็ต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับพนักงานกลุ่มนี้ จริงๆ มติก็ออกมาแล้วว่า จะต้องเลิกจ้าง โดยจ่ายทุกอย่างให้มากกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่เชื่อมั้ยครับว่า ผู้บริหารก็ยังลังเล กลัว และบอกว่าลองให้โอกาสเขาหน่อยจะดีมั้ย ระหว่างเวลาที่ลังเลนั้น ปัญหามันก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะความลับมันไม่มีในโลกอยู่แล้ว ยิ่งพอกลุ่มพนักงานทราบเรื่องขึ้นมา ก็มีคำขู่สารพัด มีบัตรสนเท่ห์มากมาย ปัญหายิ่งปานปลายกันไปใหญ่
นี่คือผลของการลังเลในการที่จะเอาพนักงานที่มีปัญหาออกจากบริษัท
บริษัทอีกแห่งหนึ่ง ผู้บริหารมีนโยบายในการบริหารทรัพยากรบุคคลที่ชัดเจนมาก เขาบอกคำแรกเลยว่า เขาจะให้เวลากับการพิจารณาสรรหาคัดเลือกคนอย่างถี่ถ้วนที่สุด ดูแล้วดูอีก ทดสอบแล้วทดสอบอีก เพื่อให้แน่ใจว่าคนที่จะรับมานั้นเป็นคนที่เหมาะกับบริษัท โดยที่จะต้องมีการวางแผนในการหาคนแต่เนิ่น ๆ ไม่ใช่หาแบบด่วนๆ ถ้าปีไหนมีการหาคนแบบเร่งด่วน แสดงว่า แต่ละฝ่ายขาดการวางแผนกำลังคนของตนเองที่ดี ซึ่งผู้บริหารก็จะไม่ให้ความเร่งด่วนแบบนี้มาทำให้เกิดการตัดสินใจที่ไม่รอบคอบ จะยังคงรักษามาตรฐานในการสรรหาคัดเลือกของตนเองให้ดีที่สุด
แต่เมื่อไรที่ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องมีการเลิกจ้างพนักงานที่มีปัญหา เขาจะฟังธงทันที และจะให้ค่าชดเชยต่างๆ ที่เหนือกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้มากทีเดียว เขาให้เหตุผลว่า ยังไงก็คุ้ม เพราะการรักษาคนที่มีปัญหานี้ไว้ รังแต่จะสร้างปัญหาระยะยาวให้กับบริษัทมากมาย
ดังนั้นคำพูดที่ว่า หาคนต้องมองนานๆ การจะเอาคนออกให้ทำให้เร็ว นี่ก็น่าจะใช้ได้อยู่ถึงในยุคปัจจุบัน
ใส่ความเห็น