ทุกวันนี้คนเราต่างก็พยายามค้นหาความสุข ไม่ว่าจะเป็นชีวิตส่วนตัว ครอบครัว หรือแม้กระทั่งชีวิตการทำงาน ทุกคนต้องการทำงานที่ทำให้ตนเองรู้สึกว่า มีความสุขในการทำงาน
เมื่อไปสอบถามผู้บริหารระดับสูงว่า ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้พนักงานมีความสุขในการทำงาน ผู้บริหารระดับสูงก็มักจะตอบว่า ก็ให้เงินเดือนสูงหน่อย สวัสดิการที่ดีหน่อย แค่นี้ก็น่าจะพอทำให้พนักงานมีความสุขในการทำงานได้แล้ว
ท่านผู้อ่านคิดว่าจริงหรือไม่
จากการศึกษาและวิจัยในปี 2017 จากพนักงานจำนวนกว่า 2,000 คน ขององค์กรที่มีชื่อว่า BetterUp Labs ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาภาวะผู้นำ ตั้งอยู่ที่ San-Francisco ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งพนักงานจำนวนถึง 90% ตอบเหมือนกันว่า ตนเองจะทุ่มเททำงานอย่างมีความสุขให้กับงานที่ตนรู้สึกว่า ทำแล้วมีความหมาย (Meaningful work) โดยไม่สนใจว่า จะได้ค่าจ้างเพิ่มหรือไม่อย่างไร
เลยมีคำถามตามมาว่า แล้วงานที่มีความหมายต่อพนักงานนั้น เป็นอย่างไร ซึ่งในงานวิจัยนี้ก็ได้คำตอบของคุณลักษณะของงานที่มีความหมายไว้ 3 ประการคือ
- Having control over work เป็นงานที่พนักงานรู้สึกว่าตนเองมีอำนาจหน้าที่ในการสร้างผลลัพธ์ของงานของตนได้อย่างเต็มที่ ได้โอกาสในการคิด ริเริ่ม และลงมือทำในสิ่งที่ตนเองต้องการจะทำ โดยให้ได้ผลสำเร็จตามที่องค์กรต้องการ ไม่ใช่งานที่ต้องลงมือทำตามคำสั่ง ตามขั้นตอนเป๊ะๆ ขยับตัวนิดหน่อย ก็ไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างหลังนี้ พนักงานจะไม่รู้สึกว่างานที่ทำนั้น มันมีความหมายต่อตนเอง
- Getting helpful feedback ได้รับการสนับสนุน การบอกกล่าว การสื่อความ การให้ Feedback ในการทำงานที่เป็นประโยชน์ จากนายโดยตรง พนักงานไม่ได้ต้องการโล่รางวัล หรือต้องการเป็นพนักงานดีเด่น โดยที่ไม่เคยได้รับ Feedback ที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาตนเอง สิ่งที่พนักงานต้องการก็คือ นายหรือผู้จัดการเข้ามาพูดคุย บอกเล่า สื่อสาร และ Feedback ถึงสิ่งที่ได้ทำไป ว่าดี หรือไม่ดี ต้องปรับอะไรบ้าง หรือต้องพัฒนาต่อยอดในด้านไหนบ้าง เพราะสิ่งเหล่านี้มันทำให้พนักงานรู้สึกว่า เขามีคุณค่าต่อองค์กร และเขาเป็นคนสำคัญที่จะสร้างผลงานที่ดีให้กับองค์ร ด้วยเหตุนี้ก็เลยทำให้เขารู้นึกว่า งานที่ทำอยู่นั้นมีความหมายกับเขามาก
- Knowing the work serves a higher purpose เป็นงานที่พนักงานรู้ว่า งานของตนเองนั้นไปมีส่วนทำให้เป้าหมายสูงสุดขององค์กรประสบความสำเร็จได้ ซึ่งหลายท่านอาจจะรู้สึกว่า งานธรรมดาอย่าง งานธุรการ งานแม่บ้าน ฯลฯ เหล่านี้ จะไปมีส่วนทำอะไรให้องค์กรบรรลุเป้าหมายได้ เอาเข้าจริงๆ แล้วมีส่วนเยอะนะครับ อยู่ที่ผู้บริหาร และผู้จัดการจะสื่อสารกับพนักงานกลุ่มนี้อย่างไรมากกว่า เพราะทุกตำแหน่งในองค์กรของเราที่มีขึ้นมานั้น ล้วนมีความสำคัญ และล้วนมีภารกิจที่จะต้องทำ และถ้าผลลัพธ์ของงานออกมาไม่ดี หรือไม่ได้ตามเป้าหมาย ก็ย่อมมีผลกระทบไปยังเป้าหมายใหญ่ขององค์กรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น ถ้าผู้จัดการสามารถที่จะทำให้พนักงานเห็นภาพว่า งานของเขานั้น มีส่วนทำให้องค์กรบรรลุเป้าหมายได้อย่างไร ก็จะยิ่งทำให้พนักงานรู้สึกว่างานที่ตนทำนั้น เป็นงานที่มีควาหมาย
ในชีวิตจริง ในบางองค์กร เช่น โรงพยายาล ที่จ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดเครื่องมือ เครื่องใช้ต่างๆ ทำความสะอาดสถานที่ ห้องพักผู้ป่วย ฯลฯ บางคนมองว่า งานแม่บ้านไม่เห็นจะมีความสำคัญ แต่แม่บ้านกลุ่มนี้ได้รับการสื่อสารจากคุณหมอใหญ่ของโรงพยาบาลว่า
“งานแม่บ้านเป็นงานที่สำคัญมาก แม้ว่า แม่บ้านจะไม่ได้จบหมอมา แต่สามารถที่จะทำให้คนไข้หายจากการเจ็บป่วยได้ ก็ด้วยการทำความสะอาด ฆ่าเชื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ให้ได้ตามมาตรฐาน ขนาดคุณหมอเองก็ยังต้องอาศัยความสะอาดและปลอดเชี้อของอุปกรณ์ต่างๆ เช่นกัน นั่นแปลว่า งานแม่บ้านนี้มีความสำคัญมาก ถ้าเราเห็นผู้ป่วยหาย และเดินออกจากโรงพยาบาลของเราด้วยความแข็งแรง นั่นแปลว่า พวกเรา(แม่บ้าน) ได้มีส่วนช่วยทำให้ผู้ป่วยทุกคนหายจากโรคภัยไข้เจ็บได้ และนี่คือสิ่งที่ทุกคนสร้างความสำเร็จให้กับโรงพยาบาลของเรา”
ด้วยคำพูดนี้ และด้วยการดูแลขั้นตอนการทำงานอย่างเคร่งครัด รวมถึงผู้บริหารเองก็ให้ความสำคัญกับงานทุกจุด ก็เลยทำให้พนักงานส่วนใหญ่ที่ทำงานในหน่วยงานนี้รู้สึกว่า งานที่ตนเองทำนั้นมีความหมายมาก
งานอื่นๆ ก็มีความหมายเช่นกัน ถ้าเราสามารถที่จะทำให้งานเป็นอย่างคุณสมบัติข้างต้นที่กล่าวไป
แล้วถ้าพนักงานรู้สึกว่างานของตนเองมีความหมาย จะเกิดผลอะไรตามมาบ้าง มาติดตามต่อในวันพรุ่งนี้นะครับ
ใส่ความเห็น