ยุคนี้ ถ้าจะให้ Remote and Hybrid work ได้ผล ต้องทำอย่างไร

ในยุคที่องค์กรหลายแห่งเริ่มทยอยเรียกพนักงานกลับเข้าสู่ออฟฟิศ เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมและความร่วมมือแบบเดิม การทำงานแบบ Remote และ Hybrid กลับยังเป็นทางเลือกสำคัญสำหรับบางองค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง แม้รูปแบบการทำงานจะเปลี่ยนไป แต่ประสิทธิภาพของทีมและความผูกพันระหว่างพนักงานยังคงเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจ หากต้องการให้การทำงานจากทุกที่ได้ผลจริง องค์กรควรหาวิธีสร้างสมดุลระหว่างความอิสระของแต่ละคน และการทำงานเป็นทีม รวมถึงกำหนดแนวปฏิบัติที่ชัดเจน เพื่อให้ทั้งการประเมินผลและการสื่อสารเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะพาคุณสำรวจแนวทางสำคัญ ที่จะช่วยให้ Remote และ Hybrid work ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง

  1. ประเมินสถานการณ์จริง
    • ใช้ข้อมูลจาก calendar หรือ collaboration tools วิเคราะห์พฤติกรรมการประชุม การตอบแชท และการร่วมมือ เพื่อดูว่ามีการประชุมมากเกินไปหรือไม่ การตอบสนองช้าเพราะพนักงานยุ่งกับ KPI ส่วนตัวหรือเปล่า และทีมทำงานร่วมกันได้จริงหรือไม่ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ HR มองเห็นปัญหาที่แท้จริงและออกมาตรการแก้ไขได้อย่างตรงจุด
  2. สร้างกติกาและบังคับใช้
    • เช่น เปิดกล้องตลอดการประชุม เพื่อให้ผู้เข้าร่วมแสดงออกถึงการมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง ลดปัญหาการทำงานอย่างอื่นระหว่างประชุม และช่วยให้ผู้พูดเห็นปฏิกิริยา สีหน้า หรือท่าทาง ทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับการพบปะกันจริง
    • ตอบคำขอช่วยเหลือด่วนทันที เพื่อป้องกันไม่ให้การทำงานสะดุดและลดความรู้สึกโดดเดี่ยวของผู้ร้องขอ ตัวอย่างเช่น หากทีมงานติดปัญหาเร่งด่วนด้านระบบ IT หรือข้อมูลลูกค้า การได้รับการตอบสนองในเวลานั้นจะช่วยให้โครงการเดินหน้าต่อไปได้ และยังสร้างความไว้วางใจระหว่างเพื่อนร่วมงาน
    • กำหนด core hours ที่ทุกคนต้องออนไลน์พร้อมกัน เพื่อให้สมาชิกทีมมีช่วงเวลาที่สามารถติดต่อกันได้สะดวก ลดความล่าช้าในการสื่อสาร และสร้างโอกาสในการทำงานร่วมกันแบบ real-time เช่น กำหนดเวลา 10.00–15.00 น. ที่ทุกคนต้องพร้อมทำงานและตอบสนองทันที
  3. ปรับระบบการประเมินผลงาน
    • KPI ควรครอบคลุม “การช่วยเพื่อน / mentoring” ไม่ใช่แค่ผลงานส่วนบุคคล เช่น การให้คำปรึกษาแก่พนักงานใหม่ การแบ่งปันความรู้ให้ทีม หรือการสนับสนุนเพื่อนร่วมงานที่มีปัญหา เพื่อสะท้อนให้เห็นคุณค่าของความร่วมมือและการสร้างทีมที่แข็งแรง
    • ใช้ 360 feedback วัดพฤติกรรมและทักษะการร่วมงาน โดยให้หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน และผู้ใต้บังคับบัญชามีส่วนร่วมในการประเมิน เพื่อให้เห็นภาพรอบด้านเกี่ยวกับการสื่อสาร การทำงานร่วมกัน และการสนับสนุนทีม ซึ่งช่วยลดอคติจากการประเมินเพียงฝ่ายเดียวและสะท้อนพฤติกรรมจริงมากขึ้น
  1. กำหนด Anchor Day
    • ให้ทั้งทีมเข้าออฟฟิศพร้อมกัน 2–3 วัน/สัปดาห์ เพื่อสร้าง connection จริง โดยการอยู่ร่วมกันในวันเดียวกันช่วยให้เกิดการพบปะ พูดคุย และทำกิจกรรมร่วมกันแบบ face-to-face เช่น การ brainstorm หรือแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากจะทำได้เมื่อทุกคนอยู่ remote
  2. สร้างความสัมพันธ์ทางสังคม
    • Onboarding แบบ cohort โดยการจัดกลุ่มพนักงานใหม่เข้ามาพร้อมกัน ทำให้พวกเขาได้สร้างความสัมพันธ์ตั้งแต่วันแรก มีเพื่อนรุ่นเดียวกันในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ช่วยลดความรู้สึกโดดเดี่ยว และยังเป็นช่องทางให้ HR ถ่ายทอดวัฒนธรรมองค์กรและค่านิยมหลักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • Mentorship program โดยจับคู่พนักงานใหม่หรือพนักงานที่ต้องการพัฒนา กับพนักงานที่มีประสบการณ์ เพื่อให้คำปรึกษา แนะนำวิธีทำงาน และถ่ายทอดวัฒนธรรมองค์กรอย่างไม่เป็นทางการ วิธีนี้ช่วยให้การเรียนรู้งานเร็วขึ้น ลดความรู้สึกโดดเดี่ยว และสร้างสายสัมพันธ์ที่แข็งแรงภายในทีม
    • จัดกิจกรรมร่วม เช่น lunch & learn หรือ volunteering ซึ่งช่วยสร้างโอกาสให้พนักงานจากหลายทีมได้แลกเปลี่ยนความรู้และทำความรู้จักกันมากขึ้น กิจกรรมเหล่านี้ยังช่วยเสริมสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรและกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือข้ามทีม
  3. ดูแล Well-being และ Mental Health
    • Check-in สม่ำเสมอ แม้เป็นออนไลน์ โดยหัวหน้าควรจัดการสนทนาแบบ one-on-one หรือ team check-in อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อประเมินสภาพจิตใจ ความก้าวหน้างาน และให้โอกาสพนักงานพูดคุยเรื่องที่กังวล วิธีนี้ช่วยให้หัวหน้ามองเห็นสัญญาณปัญหาก่อนลุกลาม และยังสร้างความรู้สึกว่าพนักงานไม่ได้ถูกปล่อยให้อยู่ลำพัง
    • อบรมหัวหน้าเรื่อง boundary ของเวลางาน-เวลาส่วนตัว เพื่อให้ผู้จัดการเข้าใจถึงความสำคัญของการเคารพเวลาส่วนตัวของพนักงาน เช่น ไม่ส่งข้อความหรือเรียกประชุมนอกเวลางาน ยกเว้นกรณีเร่งด่วนจริง ๆ วิธีนี้ช่วยลดความเครียด ป้องกัน burnout และสร้างบรรยากาศการทำงานที่สมดุลมากขึ้น
  4. ยกระดับบทบาทผู้จัดการ
    • จากเดิมที่เน้น “ควบคุมงาน” มาเน้น “เชื่อมต่อและสื่อสาร” โดยผู้จัดการควรทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการสร้างความเข้าใจระหว่างทีม ถ่ายทอดข้อมูลอย่างโปร่งใส และสนับสนุนให้สมาชิกทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น แทนที่จะใช้วิธีการกำกับหรือสั่งการเพียงอย่างเดียว
    • สร้างความโปร่งใส เช่น update โปรเจกต์ นโยบาย และการเปลี่ยนแปลงต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ ผ่านช่องทางที่เข้าถึงง่าย เช่น town hall, newsletter ภายใน หรือ platform การสื่อสารกลาง เพื่อให้พนักงานรับรู้ทิศทางเดียวกัน ลดข่าวลือ และเพิ่มความเชื่อมั่นในผู้นำ

สุดท้ายถ้าลองทำทุกทางแล้ว ยังไม่สามารถบริหารจัดการ Hybrid ได้จริง ยังมีปัญหาเรื่องการร่วมมือกัน การทำงานเป็นทีม และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี ฯลฯ การกลับสู่ออฟฟิศเต็มรูปแบบอาจง่ายกว่า และสร้างผลงานที่ยั่งยืนกว่า

ใส่ความเห็น

บลอกที่ WordPress.com .

ขึ้น ↑