วันนี้มาต่อในเรื่องของพฤติกรรมของหัวหน้างานที่เป็นพิษกันต่อในอีก 5 พฤติกรรมสำคัญกันครับ
6. ชอบจู้จี้ควบคุม
ไม่ไว้วางใจพนักงาน ตรวจสอบงานตลอดเวลา และต้องการมีส่วนร่วมในทุกการตัดสินใจ นำไปสู่บรรยากาศการทำงานที่อึดอัด
พฤติกรรมของหัวหน้างานที่ชอบจู้จี้ควบคุมไม่เพียงแต่สร้างความไม่สบายใจให้กับพนักงานเท่านั้น แต่ยังลดทอนความสามารถในการทำงานอย่างอิสระและความมั่นใจในการตัดสินใจของพนักงานอีกด้วย การที่หัวหน้างานเข้ามาตรวจสอบงานตลอดเวลาและต้องการมีส่วนร่วมในทุกการตัดสินใจนั้น ทำให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความไว้วางใจ ไม่สามารถแสดงความคิดสร้างสรรค์และความสามารถของตนเองได้อย่างเต็มที่ บรรยากาศการทำงานที่อึดอัดนี้ยังทำให้เกิดความเครียดและความกดดันในที่ทำงาน พนักงานอาจรู้สึกว่าตนเองต้องทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด โดยไม่สามารถแสดงความคิดเห็นหรือเสนอแนะได้ ซึ่งส่งผลให้การพัฒนาทักษะและความสามารถของพนักงานถูกจำกัด นอกจากนี้ การควบคุมที่มากเกินไปยังอาจทำให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองไม่มีอิสระในการทำงาน และไม่สามารถพัฒนาความสามารถในการตัดสินใจและการแก้ไขปัญหาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งส่งผลให้การทำงานเป็นทีมและประสิทธิภาพในการทำงานลดลงในระยะยาว
7. ความคาดหวังที่เกินจริง
ชอบกำหนด เส้นตายที่เป็นไปไม่ได้ เป้าหมายที่ไปไม่ถึง เปลี่ยนเป้าหมายบ่อย และ โทษพนักงานเมื่อไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย และมาตรฐานที่คลุมเครือที่กำหนดไว้
พฤติกรรมของหัวหน้างานที่มีความคาดหวังที่เกินจริงนั้นสร้างความกดดันและความเครียดให้กับพนักงานอย่างมาก การกำหนดเส้นตายที่เป็นไปไม่ได้และเป้าหมายที่ไปไม่ถึง ทำให้พนักงานต้องทำงานภายใต้ความกดดันสูง ซึ่งส่งผลให้พวกเขารู้สึกหมดแรงและหมดกำลังใจ นอกจากนี้ การเปลี่ยนเป้าหมายบ่อยครั้งยังทำให้พนักงานรู้สึกสับสนและไม่สามารถมุ่งมั่นในการทำงานได้อย่างเต็มที่ หัวหน้างานที่มีพฤติกรรมดังกล่าวมักจะโทษพนักงานเมื่อไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ แทนที่จะพิจารณาสาเหตุและปัจจัยที่ทำให้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายนั้นได้อย่างเป็นธรรม
มาตรฐานที่คลุมเครือและไม่ชัดเจนยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถจัดการงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อพนักงานไม่เข้าใจว่าหัวหน้างานต้องการอะไรหรือคาดหวังอะไรจากพวกเขา ก็ยากที่จะทำงานให้ตรงตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ การขาดความชัดเจนในมาตรฐานและเป้าหมายยังทำให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับการสนับสนุนและไม่สามารถประสบความสำเร็จได้
การมีความคาดหวังที่เกินจริงและการขาดความชัดเจนในการกำหนดเป้าหมายและมาตรฐานไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อพนักงานแต่ละคนเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อทั้งทีมและองค์กรโดยรวม ความเครียดและความกดดันที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมดังกล่าวทำให้การทำงานร่วมกันเป็นทีมลดลง และสร้างบรรยากาศที่ไม่เหมาะสมในการทำงาน
8. การดูถูกและทำลายขวัญกำลังใจ
พูดประชดประชันหรือดูถูก วิจารณ์พนักงานต่อหน้าสาธารณะ และแทบไม่เคยให้ข้อเสนอแนะเชิงบวก สิ่งนี้ส่งผลให้เกิดขวัญกำลังใจต่ำและความไม่มั่นใจในตนเองในหมู่พนักงาน
การดูถูกและทำลายขวัญกำลังใจของพนักงานไม่เพียงแต่ทำให้พนักงานรู้สึกถูกดูหมิ่นและหมดกำลังใจในการทำงาน แต่ยังส่งผลกระทบในทางลบต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมของทีมด้วย การพูดประชดประชันหรือดูถูกพนักงานทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนเองไม่มีค่าและไม่เป็นที่ยอมรับ หัวหน้างานที่วิจารณ์พนักงานต่อหน้าสาธารณะมักจะสร้างความอับอายและความกดดันให้กับพนักงาน ซึ่งจะนำไปสู่การลดลงของความมั่นใจในตนเองและความไว้วางใจที่มีต่อหัวหน้างาน
นอกจากนี้ การที่หัวหน้างานไม่เคยให้ข้อเสนอแนะเชิงบวกยังทำให้พนักงานรู้สึกว่าความพยายามและความสำเร็จของตนเองไม่ได้รับการยอมรับและชื่นชม การขาดการเสริมสร้างขวัญกำลังใจนี้ทำให้พนักงานไม่มีแรงจูงใจในการทำงานและไม่มีแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเอง บรรยากาศการทำงานที่เต็มไปด้วยการวิจารณ์และการดูถูกนำไปสู่การเกิดความเครียดและความกดดันในที่ทำงาน พนักงานอาจรู้สึกกลัวที่จะทำผิดพลาด และอาจไม่กล้าแสดงความคิดเห็นหรือเสนอแนะแนวคิดใหม่ ๆ ในการทำงาน
สภาพแวดล้อมที่ขาดความสนับสนุนและการยอมรับยังอาจส่งผลให้พนักงานตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อหาสถานที่ทำงานที่มีบรรยากาศที่ดีกว่า ซึ่งทำให้เกิดการสูญเสียทรัพยากรบุคคลและความสามารถที่มีค่าในองค์กร การดูถูกและทำลายขวัญกำลังใจของพนักงานจึงเป็นพฤติกรรมที่หัวหน้างานควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง หากต้องการสร้างบรรยากาศการทำงานที่มีประสิทธิภาพและเต็มไปด้วยความร่วมมือและความไว้วางใจ
9. โยนความผิดให้ผู้อื่น
แทนที่จะรับผิดชอบต่อความผิดพลาด หัวหน้าที่เป็นพิษมักจะโยนความผิดให้พนักงาน สร้างวัฒนธรรมแห่งความหวาดกลัวและการกล่าวโทษ
พฤติกรรมนี้ไม่เพียงแต่ทำให้พนักงานรู้สึกกดดันและกลัวการทำผิดพลาด แต่ยังส่งผลให้พวกเขาขาดความไว้วางใจในหัวหน้างาน พนักงานจะรู้สึกว่าตนเองเป็นเป้าหมายของการวิจารณ์และการลงโทษอยู่เสมอ โดยไม่มีโอกาสในการชี้แจงหรืออธิบายเหตุผลที่แท้จริงของความผิดพลาดที่เกิดขึ้น การโยนความผิดไม่เพียงแต่สร้างบรรยากาศที่เป็นพิษและขาดความโปร่งใสภายในทีม แต่ยังขัดขวางการพัฒนาขององค์กรอย่างร้ายแรง
การที่หัวหน้างานไม่ยอมรับความผิดพลาดของตนเองและชี้ว่าเป็นความผิดของพนักงาน นอกจากจะทำให้พนักงานขาดความมั่นใจในตนเองแล้ว ยังทำให้พวกเขารู้สึกว่าการทำงานภายใต้หัวหน้างานเช่นนี้ไม่มีความมั่นคง หัวหน้างานที่ขาดความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดของตนเองยังเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับพนักงาน ส่งผลให้พนักงานไม่กล้ารับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองเช่นกัน
นอกจากนี้ การโยนความผิดยังทำให้ทีมขาดความสามัคคี พนักงานต่างคนต่างพยายามหลีกเลี่ยงการถูกตำหนิ ทำให้เกิดการปกปิดข้อผิดพลาดแทนที่จะร่วมกันหาทางแก้ไขและปรับปรุงให้ดีขึ้น วัฒนธรรมแห่งความหวาดกลัวและการกล่าวโทษเช่นนี้จึงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีและการพัฒนาองค์กร
10. มั่นใจในความรู้ของตนเองมากเกินไป
พวกเขาประเมินความเชี่ยวชาญของตนเองสูงเกินไปและไม่ยอมรับเมื่อตนเองผิด ความหยิ่งผยองนี้ขัดขวางการเรียนรู้และการเติบโตภายในทีม
การที่หัวหน้างานประเมินความเชี่ยวชาญของตนเองสูงเกินไปและไม่ยอมรับเมื่อตนเองผิดนั้น เป็นพฤติกรรมที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับทีมอย่างมาก หัวหน้างานที่มีความหยิ่งผยองเช่นนี้มักจะปฏิเสธความคิดเห็นหรือคำแนะนำจากพนักงาน โดยไม่ใส่ใจว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของตนอาจมีความรู้หรือประสบการณ์ที่มีค่าเช่นกัน พฤติกรรมนี้ไม่เพียงแต่ปิดกั้นการเรียนรู้และพัฒนาภายในทีม แต่ยังทำให้พนักงานรู้สึกว่าความคิดเห็นและความสามารถของตนเองไม่เป็นที่ยอมรับ
เมื่อหัวหน้างานมั่นใจในความรู้ของตนเองมากเกินไป พวกเขามักจะตัดสินใจโดยไม่พิจารณาข้อมูลหรือมุมมองจากผู้อื่น ทำให้เกิดการตัดสินใจที่ไม่รอบคอบและอาจนำไปสู่ความผิดพลาด การไม่ยอมรับความผิดพลาดของตนเองและโทษพนักงานทำให้ขาดความโปร่งใสและความไว้วางใจในทีม พนักงานจะรู้สึกว่าการทำงานภายใต้หัวหน้างานลักษณะนี้ไม่มั่นคงและขาดความยั่งยืน
นอกจากนี้ การที่หัวหน้างานมั่นใจในตนเองมากเกินไปอาจทำให้พวกเขาไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงหรือแนวทางใหม่ ๆ พวกเขาจะยึดติดกับวิธีการเดิม ๆ และไม่เปิดรับนวัตกรรม ซึ่งขัดขวางการพัฒนาและความเจริญก้าวหน้าขององค์กร ทีมงานที่ขาดการสนับสนุนและการยอมรับจากหัวหน้างานจึงมีแนวโน้มที่จะขาดแรงจูงใจและความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีและการพัฒนาองค์กรในระยะยาว
การจัดการกับหัวหน้างานที่มีลักษณะเป็นพิษจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทั้งพนักงานและองค์กร การสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีและโปร่งใสสามารถเริ่มจากการสนับสนุนให้หัวหน้างานและพนักงานทุกคนมีการสื่อสารอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา การฝึกฝนทักษะการฟังและการยอมรับความคิดเห็นจากผู้อื่นเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความเข้าใจและความไว้วางใจกันภายในทีม
องค์กรควรส่งเสริมการเรียนรู้และการพัฒนาอย่างต่อเนื่องสำหรับหัวหน้างานเพื่อให้พวกเขามีความยืดหยุ่นในการปรับตัวและเปิดรับมุมมองใหม่ ๆ การฝึกอบรมเกี่ยวกับการเป็นผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจและการประเมินตนเองจะช่วยให้หัวหน้างานสามารถพัฒนาทักษะในการบริหารจัดการทีมได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นการยอมรับความผิดพลาดและการเรียนรู้จากประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญ หัวหน้างานที่ยอมรับความผิดพลาดของตนเองและใช้เป็นโอกาสในการปรับปรุงไม่เพียงแต่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับพนักงาน แต่ยังสร้างบรรยากาศที่พนักงานรู้สึกมั่นใจและพร้อมที่จะทดลองสิ่งใหม่ ๆ โดยไม่กลัวการถูกตำหนิ
สุดท้ายนี้ การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ส่งเสริมสุขภาวะของพนักงานทุกคนนั้นเป็นหน้าที่ขององค์กร หัวหน้างานควรได้รับการสนับสนุนและทรัพยากรที่จำเป็นในการพัฒนาทักษะและความรู้เพื่อให้สามารถนำทีมไปสู่ความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน
ใส่ความเห็น