เส้นทางสายผู้เชี่ยวชาญของแท้ ที่มากกว่าแค่ “โครงสร้างตำแหน่งงาน”

หลายองค์กรเชื่อว่าตนเองมีเส้นทางอาชีพสำหรับผู้เชี่ยวชาญอยู่แล้ว เพราะมี ตำแหน่งที่ฟังดูเป็น Specialist หรือ Senior Specialist แต่แท้จริงแล้ว สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเพียง “โครงสร้างตำแหน่งงาน” (Title Structure) ที่ไม่ได้สะท้อนถึงการเติบโตของผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง

เส้นทางสายผู้เชี่ยวชาญของแท้ ต้องเป็นมากกว่าการเปลี่ยนตำแหน่งตามระยะเวลา

✅ ไม่ใช่แค่ตำแหน่งที่สูงขึ้น แต่ต้องพัฒนาองค์ความรู้ให้ลึกขึ้น

✅ ไม่ใช่แค่ทำงานเดิมแต่เปลี่ยนชื่อเรียก แต่ต้องมีบทบาทที่เปลี่ยนไปตามระดับของความเชี่ยวชาญ

✅ ต้องมีระบบที่ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญสร้างผลกระทบต่อองค์กรและอุตสาหกรรมได้จริง

การเติบโตของผู้เชี่ยวชาญต้องมี “โครงสร้างพัฒนาอาชีพ” (Career Architecture) ที่ชัดเจนก็จริง  แต่จะไม่ใช่แค่ตำแหน่งงานที่เปลี่ยนชื่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีบทบาทที่เปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม

🔹 “โครงสร้างตำแหน่ง” อาจเป็นแค่ลำดับชื่อตำแหน่ง เช่น Specialist → Senior Specialist → Principal Specialist แต่แต่ละระดับไม่ได้มีความแตกต่างด้านบทบาทหน้าที่อย่างชัดเจน แบบนี้ก็เป็นได้แค่โครงสร้างตำแหน่งงานเท่านั้น ไม่ใช่ Specialist ที่แท้จริงแต่อย่างใด องค์กรไม่ได้มูลค่าเพิ่มจากการที่พนักงานเติบโตขึ้น

🔹 “เส้นทางสายผู้เชี่ยวชาญของแท้” จะมีการกำหนดบทบาทและทักษะที่ต้องพัฒนาในแต่ละระดับ เช่น Knowledge Expert → Knowledge Leader → Knowledge Principal ซึ่งหมายถึงการเติบโตจากการเป็นผู้ปฏิบัติงานเดี่ยว ไปสู่การเป็นผู้นำทางความรู้ที่สร้างอิทธิพลในองค์กรในที่สุด

ถ้าการเลื่อนตำแหน่งของผู้เชี่ยวชาญเป็นแค่การเปลี่ยนชื่อโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงบทบาท นั่นคือโครงสร้างตำแหน่ง ไม่ใช่เส้นทางสายผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง!

ตัวอย่างเส้นทางสายอาชีพของ Specialist ของแท้

เช่น งาน Software Engineer

ระดับ 1: Software Engineer (Individual Contributor) ในระดับนี้อาจจะมี 1-2 ระดับก่อนที่จะไปสู่ Specialist

  • ทำหน้าที่พัฒนาโค้ด แก้ไขบั๊ก และพัฒนาฟีเจอร์ของซอฟต์แวร์
  • ทำงานเป็นส่วนหนึ่งของทีมพัฒนา โดยมีหัวหน้าทีมช่วยกำกับดูแล
  • เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อปรับปรุงคุณภาพซอฟต์แวร์

🔹 ระดับ 2: Knowledge Expert (Senior Software Engineer)

  • เริ่มมีบทบาทเป็นที่ปรึกษาภายในทีม และช่วยแก้ปัญหาทางเทคนิคให้เพื่อนร่วมงาน
  • พัฒนา Best Practices เช่น Coding Standards และ Code Review Guidelines
  • ฝึกอบรมวิศวกรซอฟต์แวร์รุ่นใหม่เกี่ยวกับโครงสร้างซอฟต์แวร์และเทคนิคการพัฒนา

🔹 ระดับ 3: Knowledge Leader (Software Architect / Engineering Manager)

  • วางแผนและกำหนดโครงสร้างซอฟต์แวร์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
  • มีบทบาทในการตัดสินใจทางเทคนิคในระดับองค์กร เช่น การเลือกเทคโนโลยี การออกแบบ API และ Cloud Infrastructure
  • เป็นที่ปรึกษาทางเทคนิคสำหรับหลายทีม และช่วยกำหนดกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยี

🔹 ระดับ 4: Knowledge Principal (Chief Technology Officer / Principal Engineer)

  • มีบทบาทในการกำหนดทิศทางเทคโนโลยีขององค์กรในระยะยาว
  • เป็นตัวแทนขององค์กรในเวทีระดับอุตสาหกรรม เช่น การประชุมเทคโนโลยี การวิจัย และการพัฒนามาตรฐานใหม่ ๆ
  • พัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตรทางเทคโนโลยี หรือเป็นผู้นำในการสร้างนวัตกรรมในองค์กร

หรือมาดูตัวอย่างงาน HR ที่ใกล้ตัวกันบ้าง

ระดับ 1: HR Specialist (Individual Contributor)

🔹 โฟกัสที่การปฏิบัติงานเฉพาะทาง เช่น การสรรหาบุคลากร (Recruitment), ค่าตอบแทนและสวัสดิการ (Compensation & Benefits), หรือพัฒนาบุคลากร (Talent Development)

🔹 วิเคราะห์และดำเนินการตามนโยบาย HR ตามแนวทางขององค์กร

🔹 ประสานงานกับทีมภายในเพื่อให้กระบวนการ HR ดำเนินไปอย่างราบรื่น

ระดับ 2: Knowledge Expert (Senior HR Specialist / HR Consultant)

🔹 พัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น การใช้ AI ในการคัดเลือกพนักงาน หรือ การวิเคราะห์ข้อมูลคนในองค์กร (People Analytics)

🔹 เป็นที่ปรึกษาภายในองค์กร ให้คำแนะนำกับเพื่อนร่วมงาน ในด้านที่ตนเองเชี่ยวชาญ

🔹 นำเสนอแนวทางปรับปรุงกระบวนการ HR ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และมีผลเชิงบวกต่อธุรกิจ

ระดับ 3: Knowledge Leader (HR Business Partner)

🔹 กำหนด กลยุทธ์ HR ให้สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร

🔹 ประสานงานกับผู้บริหารระดับสูง เพื่อสร้างนโยบายที่ส่งผลต่อพนักงานทั้งองค์กร

🔹 เป็นผู้นำในการพัฒนา โครงการสำคัญที่เปลี่ยนแปลงองค์กร เช่น Employee Experience Transformation หรือ HR Digitalization

 ระดับ 4: Knowledge Principal

🔹 เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีอิทธิพลในอุตสาหกรรมด้าน HR

🔹 สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการ HR ทั้งภายในและภายนอกองค์กร

🔹 วิจัยและพัฒนาแนวทาง People Strategy ระดับโลก และเข้าร่วมงานสัมมนาอุตสาหกรรม

จากตัวอย่างข้างต้น น่าจะทำให้พอเห็นภาพในการออกแบบเส้นทางความก้าวหน้าสายอาชีพด้าน Specialist กันนะครับ เมื่อเราออกแบบหน้าที่และความรับผิดชอบได้แล้ว เราก็มาพิจารณากันว่า แล้วก่อนที่จะเลื่อนระดับหรือเลื่อนตำแหน่งได้ จะต้องมีการพัฒนาอะไรกันก่อนบ้าง หรือต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมก่อนที่จะเลื่อนตำแหน่งได้บ้าง เพื่อที่จะได้กำหนดเป็น IDP และพัฒนาบางทักษะกันก่อนที่จะเลื่อนตำแหน่งขึ้นไปในระดับที่มีความรับผิดชอบที่สูงขึ้น

ใส่ความเห็น

บลอกที่ WordPress.com .

ขึ้น ↑