วันศุกร์อีกครั้ง ผมนำนิทานสอนใจดี ๆ มาให้อ่านกันอีกเช่นเคยนะครับ ช่วงนี้หลายคนเครียดกันมากขึ้น ทั้งเรื่องงาน เรื่องภาวะเศรษฐกิจ ของแพง เงินไม่พอใช้ บางคนเริ่มมองอนาคตของตนเองว่า จะเป็นอย่างไรต่อไป จนทำให้เราเครียดกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ลองนำเอาข้อคิดจากนิทานเรื่องนี้ไปปรับใช้ในชีวิตเราดูบ้าง เผื่อว่าจะสบายใจมากขึ้นครับ
มีผู้เฒ่าคนหนึ่งชื่อว่าเป็นปราชญ์ประจำหมู่บ้าน และถือว่าเป็นอาจารย์สอนคนในหมู่บ้านนั้นด้วย ท่านเป็นผู้มีความเอื้ออารีในทุกด้าน เป็นคนใจเย็น มีหน้าตาเบิกบานแจ่มใสอยู่ตลอดเวลา แม้นว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นอย่างไร แต่ผู้เฒ่ากลับดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา จนลูกศิษย์ในหมู่บ้านเกิดความสงสัยในกิริยานั้น
อยู่มาวันหนึ่งมีลูกศิษย์คนหนึ่งเห็นผู้เฒ่ากำลังรดน้ำต้นไม้กระถางอยู่ จึงอาสาเข้าไปช่วยเหลือ แต่ด้วยความที่ไม่ทันระวัง เขาได้ทำกระถางดอกไม้ที่เรียงรายอยู่แตกทั้งชั้น พอผู้เฒ่ามองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น กลับยิ้มให้เขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดูเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกขณะ
ฝ่ายลูกศิษย์กลับรู้สึกสงสัยว่า สิ่งที่อาจารย์แสดงออกนั้น เป็นการแกล้งทำให้ตนเองดีใจ หรือว่าเป็นความปกติที่มีอยู่ในอาจารย์เอง พอตอนจะลากลับเขาจึงเรียนถามท่านผู้เฒ่าว่า
“ท่านอาจารย์ เมื่อผมทำกระถางดอกไม้แตกทั้งชั้น แต่ทำไมอาจารย์กลับไม่แสดงอาการโกรธแต่อย่างใด ทำไมอาจารย์จึงไม่ตำหนิการกระทำของผมเลย ?”
อาจารย์ผู้ผ่านการเรียนรู้ชีวิตมาอย่างยาวนานยิ้มอย่างอารมณ์ดี และตอบคำถามของลูกศิษย์ด้วยอาการสงบว่า
“เธอรู้ไหมว่าที่อาจารย์ปลูกต้นไม้เหล่านี้เพื่ออะไร เหตุผลที่อาจารย์ปลูกต้นไม้เหล่านี้ ก็เพื่อพัฒนาชีวิตของอาจารย์เอง เป็นการปลูกต้นไม้เพื่อให้เขาเป็นครูสอนเรา สอนให้จิตใจรู้จักสงบเย็น และรู้จักปล่อยวางให้เป็นในการรับรู้อารมณ์ต่างๆ ครั้นเธอมาทำกระถางต้นไม้แตก อาจารย์จึงมีความรู้สึกว่า ต้นไม้กำลังสอนธรรมะอาจารย์อยู่ สอนให้รู้ว่าเมื่อกระถางดอกไม้เหล่านี้แตก จะรู้จักปล่อยวางเป็นไหม ? จะรู้จักวางใจอย่างไร ? ฉะนั้นเหตุผลที่อาจารย์ปลูกต้นไม้ ก็เพื่อทะนุบำรุงจิตใจของตนเองให้รู้จักปล่อยวาง มิใช่ปลูกต้นไม้เพื่อที่จะสร้างความโกรธให้เกิดขึ้นในชีวิต”
ใส่ความเห็น