คำว่า Trust หรือ แปลเป็นไทยง่าย ๆ ว่า ความเชื่อใจ ความเชื่อมั่น ความน่าเชื่อถือ ฯลฯ ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากในการทำงานมาในทุกยุคทุกสมัย ยิ่งในสมัยนี้ในโลกแห่งเทคโนโลยี Trust ยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นในการทำงานร่วมกัน รวมทั้งการทำธุรกิจร่วมกันด้วยเช่นกัน
เริ่มตั้งแต่ความเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ก็ต้องมีความไว้เนื้อเชื่อใจกันในการทำงาน ไม่มีการทรยศหักหลัง แทงข้างหลังกัน ไม่รักษาสัญญา และคำพูดที่ให้ไว้ต่อกัน
ผู้นำ ผู้จัดการ กับลูกน้องของตนเอง ก็ต้องสร้างบรรยากาศแห่งความไว้เนื้อเชื่อใจกันด้วยเช่นกัน มิฉะนั้นคงจะทำงานด้วยกันลำบาก ผู้นำเองจะต้องรักษาสัญญา พูดคำไหนคำนั้น อีกทั้งเวลาพูดอะไรออกไปก็ต้องทำตามที่ตนเองพูดไว้ด้วยเช่นกัน ความรู้สึกเชื่อใจ จึงจะเกิดขึ้นได้ระหว่างพนักงานกับผู้นำ
การค้าขายในยุคสั่งสินค้าออนไลน์ แล้วผู้สั่งโอนเงินไปก่อน แล้วผู้ขายส่งสินค้ามาให้ นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการต้องสร้างความเชื่อใจกัน ยิ่งผู้ขายสามารถสร้างความเชื่อมั่น และได้รับความเชื่อใจจากลูกค้ามากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้การค้าขายของร้านนี้ยิ่งมีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนมากขึ้น ทำให้มีรายได้มากขึ้น ผิดกับร้านค้าที่ ไม่รักษาสัญญา โกหกลูกค้า ปากพูดอย่าง แต่ทำอีกอย่าง อีกทั้งส่งมอบสินค้าและบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน และไม่ตรงตามที่ตกลงกันไว้ แบบนี้มีแต่จะทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน
จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า Trust มีความสำคัญมากต่อการทำงานร่วมกัน ต่อการใช้ชีวิตร่วมกัน
การสร้าง Trust หรือความเชื่อใจกันนั้น เริ่มต้นง่าย ๆ จากการรักษาคำพูด การรักษาสัญญาที่ให้ไว้ต่อกัน การพูดแล้วทำได้ในสิ่งที่พูด พูดคำไหนคำนั้น ยิ่งทั้งสองฝ่าย ต่างฝ่ายต่างรักษาคำพูดซึ่งกันและกันด้วยแล้ว ความแข็งแรงของ Trust จะยิ่งทวีความแข็งแกร่งมากขึ้น และสามารถสะสมความไว้วางใจได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งการสร้างความไว้วางใจระหว่างกันนี้ ต้องอาศัยเวลาพอสมควร กว่าต่างฝ่ายต่างจะเชื่อมั่นกัน
แต่การทำลายความไว้ใจกันนั้น ง่ายกว่าการสร้าง มากมายนัก แค่ทำผิดสัญญาเพียงครั้งเดียว ก็สามารถสร้างรอยร้าวที่เกิดขึ้นในความไว้วางใจซึ่งกันและกันได้แล้ว คำสัญญาที่ให้ แต่ไม่สามารถทำได้ ข้อตกลงที่ทำไว้ แต่ไม่สามารถทำตามข้อตกลงได้ สิ่งที่รับปากไว้ แต่ไม่สามารถทำได้ตามที่รับปาก ถ้าเริ่ม 1 ครั้ง มันจะมีตามมาเรื่อย ๆ จากนั้นความไว้เนื้อเชื่อใจกันก็จะหายไป และหายไปเร็วกว่า การสร้างมันขึ้นมาด้วยซ้ำไป
แต่ก็แปลก ที่คนเราลองผิดสัญญากันแล้ว 1 ครั้ง ก็จะเริ่มมีผิดสัญญาในครั้งที่สอง สาม ตามมาเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่า การไม่ทำตามสัญญา หรือไม่ทำตามที่รับปากต่อกันไว้นั้น ล้วนแต่สร้างรอยร้าวและทำลายความเชื่อใจของอีกฝ่ายลงได้ แต่ก็ยังทำ
ถ้าเราผลลัพธ์ในระยะยาว ถ้าเราต้องการความยั่งยืน ของความสัมพันธ์ หรือ ของการทำธุรกิจ เราจะต้องเป็นคนรักษาสัญญาอย่างเคร่งครัด แล้วเราจะกลายเป็นคนที่มีเครดิต มีความน่าเชื่อถือ และเกิดความไว้วางใจจากผู้อื่น ซี่งจุดนี้เองที่จะนำไปต่อยอดความสัมพันธ์ และต่อยอดธุรกิจของเราได้อย่างยั่งยืน
วันนี้คุณรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับคนอื่นแล้วหรือยัง
ใส่ความเห็น