วันนี้เอานิทานสอนใจดีๆ มาให้อ่านกันอีกเรื่องนะครับ และก็เช่นเคยครับ พยายามตามหาผู้แต่ง แต่ก็หาไม่เจอต้นตอ มีแต่เรื่องราวที่แชร์ต่อๆ กันมา ถ้าท่านผู้อ่านทราบว่าใครคือผู้แต่งก็แจ้งมาได้เลยนะครับ จะได้ให้เครดิตไว้ครับ ลองอ่านกันเลยนะครับ
กาล ครั้งหนึ่ง มีเศรษฐีผู้หนึ่ง ซึ่งมีภรรยา 4 คน เขารักภรรยาคนที่ 4 มากที่สุด รองลงมา คือคนที่ 3, 2 และ 1 ตามลำดับ ดั้งนั้นภรรยาคนที่ 4 ซึ่งเป็นคนล่าสุด สาวที่สุด จึงได้รับความเอาใจใส่ และให้ความสำคัญมากกว่าคนอื่นๆ
ต่อมา เมื่อเศรษฐีแก่ชราลง เขาอยากจะรู้ว่า ในบรรดาภรรยาทั้ง 4 คนนี้ ใครบ้างที่รักเขาจริง เศรษฐีเรียกภรรยาคนที่ 4 มาถามว่า “นี่น้อง อีกไม่นานพี่คงต้องตายจากไป หากพี่ตายไป พี่อยากจะชวนน้องไปอยู่อยู่ด้วย เพราะพี่รักน้องมากที่สุด น้องจะไปด้วยได้ไหม”
ภรรยาคนที่ 4 ก็ตอบว่า “จะบ้าหรือพี่ มีใครที่ไหน ที่จะตามคนตายไป พี่ไปของพี่ก่อนเถอะนะ น้องไม่ไปด้วยหรอก”
เศรษฐผิดหวังอย่างหนัก เสียใจอย่างมากเมื่อได้รับคำตอบเช่นนั้น จึงหันไปถามภรรยาคนที่ 3 ด้วยคำถามเดียวกัน
ภรรยาคนที่ 3 ก็ตอบว่า “พี่เป็นอะไรไป ถึงคนรักกันปานใด ก็ไม่มีใครยอมตายตามไปด้วยหรอก เชิญพี่ตายไปก่อนเถิดนะ”
เศรษฐี ต้องเสียใจซ้ำสอง คิดว่าคนที่รักรองลงมาจะตายตามไปด้วย ก็ผิดหวังอีก จึงหันไปถามภรรยาคนที่ 2 ภรรยาคนที่ 2 ก็ ตอบปฏิเสธในทำนองเดียวกัน ทำให้เศรษฐีผิดหวังมากยิ่งขึ้น จึงหันไปถามคนสุดท้าย ซึ่งเป็นภรรยาคนแรก ซึ่งเขาไม่ค่อยเอาใจใส่ดูแลนัก ทั้งไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไหร่ จึงถามไปอย่างไม่คาดหวังอะไร
แต่ภรรยาคนที่ 1 กลับตอบว่า “เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ต้น ยามสุขก็สุขด้วยกัน ยามทุกข์ก็ทุกข์ด้วยกัน จะทอดทิ้งกันได้อย่างไร ถ้าพี่ตายไป น้องก็จะขอตามไปด้วย”
ใน ที่สุด เศรษฐีจึงได้รู้ว่า ภรรยาคนแรก ซึ่งเขาไม่เคยให้ความสำคัญเลยนั้น กลับเป็นผู้ที่รักเขาอย่างจริงใจ และมีน้ำใจจะติดตามปรนนิบัติเขาไปทุกหนทุกแห่ง ส่วนภรรยาผู้ที่เขาทุ่มเทความรักให้อย่างมากมาย กลับมิได้สนใจใยดีในตัวเขาเลย
ถึงตอนนี้ ลองคิดดูให้ดีสิว่า เศรษฐีผู้นี้คือใคร?
แท้ที่จริงแล้ว เขามิใช่คนอื่นคนไกลเลย เขาคือ…ตัวเรานั่นเอง
เราทุกคน ต่างเปรียบได้กับเศรษฐีที่มีภรรยา 4 คน โดยที่…
ภรรยาคนที่ 1 คือ จิตใจ
ภรรยาคนที่ 2 คือ ร่างกาย
ภรรยาคนที่ 3 คือ บ้านเรือน สมบัติพัสถาน
ภรรยาคนที่ 4 คือ เสื้อผ้า เครื่องประดับ
เพราะ ฉะนั้น เลือกเอาเถิดว่าเราจะรักและเอาใจใส่ภรรยาคนไหนให้มากที่สุด บางคนอาจจะเป็นเศรษฐี ผู้ซึ่งไม่รู้ว่าควรจะรักใคร ดังจะเห็นได้จาก บางคนมัวแต่เอาใจใส่ให้เวลากับเรื่องเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องประทินโฉมต่างๆ บ้างก็มัวแต่เฝ้าหวงแหนทรัพย์สินเงินทอง บ้านเรือน สมบัติพัสถาน บ้างก็มัวเฝ้าทะนุถนอมบำรุงรักษาแต่เพียงร่างกาย
โดย หารู้ไม่ว่า ตราบใดที่เรายังไม่รู้จักวิธีการดูแลรักษาจิตใจที่ถูกต้อง ย่อมเปรียบได้กับเศรษฐีผู้มองข้ามภรรยาคนที่ควรจะรักมากที่สุดไป แต่สำหรับผู้ที่หมั่นรักษาจิตใจนั้น รู้จักวิธีการใช้โลกีย์ทรัพย์ เปลี่ยนเป็นอริยทรัพย์ ตัดความตระหนี่ด้วยการทำทาน ใช้จิตใจนำร่างกายที่เกิดเป็นมนุษย์ รักษาศีลให้สมบูรณ์ เพื่อนำความไม่มีโรค ติดตัวไป และนำดวงปัญญาที่สว่างไสวไปด้วยการทำสมาธิ ทำใจให้สงบนิ่ง สู่หนทางพ้นทุกข์ ย่อมจะเป็นทุน เป็นเสบียงที่จะนำความสุข ความสำเร็จให้บังเกิดขึ้นในอนาคตที่ยาวไกลได้
นี่คือชีวิตที่เราเลือกได้ ว่าจะทุ่มเทความรักให้กับสิ่งใด ระหว่างของชั่วคราวอันน่าหลงใหล กับจิตใจซึ่งจะติดตามเราไปตลอดกาล
ใส่ความเห็น