Psychological Safety ทีมที่คุณกล้าพูด กล้าฟัง และกล้าลองทำ

ในโลกการทำงานยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ความซับซ้อน และการแข่งขันที่เข้มข้น สิ่งหนึ่งที่องค์กรชั้นนำทั่วโลกต่างพูดถึงคือ “Psychological Safety” หรือ สภาวะปลอดภัยทางจิตใจ ซึ่งไม่ใช่เรื่องไกลตัว หากแต่เป็นหัวใจสำคัญของการทำงานเป็นทีม

ลองนึกภาพว่าคุณอยู่ในทีมที่ทุกคนสามารถพูดสิ่งที่คิดได้อย่างตรงไปตรงมา ตั้งคำถามกับสิ่งที่ไม่เข้าใจ เสนอไอเดียใหม่ ๆ แม้จะดูบ้าไปบ้าง หรือกล้าที่จะบอกว่า “ผมพลาดครับ” โดยไม่กลัวว่าจะถูกตำหนิ ถูกทำให้อับอาย หรือถูกมองว่าไร้ความสามารถ นั่นแหละครับ คือสิ่งที่เรียกว่า Psychological Safety

พูดง่าย ๆ คือ

“ทีมที่คุณกล้าพูด กล้าฟัง และกล้าลองทำ โดยไม่ต้องปิดบังตัวตน”

ทำไม Psychological Safety ถึงสำคัญ

หลายองค์กรอาจเข้าใจผิดว่าทีมที่ ไม่ค่อยรายงานความผิดพลาด คือทีมที่เก่งและไร้ข้อบกพร่อง แต่อันที่จริงกลับตรงกันข้าม งานวิจัยของ Amy Edmondson แห่ง Harvard Business School ชี้ว่า ทีมที่รายงานข้อผิดพลาดเยอะกว่า มักเป็นทีมที่มีบรรยากาศปลอดภัย ทุกคนกล้าเปิดเผยสิ่งที่เกิดขึ้นจริง → นำไปสู่การแก้ไข เรียนรู้ และพัฒนาได้มากกว่า

ในทางกลับกัน ถ้าในทีมเต็มไปด้วยความกลัวที่จะพูดความจริง แม้ข้อผิดพลาดเล็ก ๆ ก็อาจลุกลามจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลต่อทั้งองค์กร

4 ระดับของ Psychological Safety

Timothy R. Clark ได้อธิบายการพัฒนา Psychological Safety ไว้เป็น 4 ระดับ (The 4 Stages) ที่สามารถใช้เป็นแนวทางออกแบบการทำงานในทีมได้อย่างเป็นขั้นตอน

  1. Inclusion Safety – ปลอดภัยที่จะ “เป็นส่วนหนึ่ง”
    ทุกคนรู้สึกว่าได้รับการยอมรับในทีม ไม่ว่าจะแตกต่างเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นด้านเพศ อายุ ประสบการณ์ ความคิด หรือภูมิหลัง ทุกคนได้รับพื้นที่ให้แสดงออกอย่างเท่าเทียม ไม่ถูกตัดสินหรือกีดกัน และสัมผัสได้ถึงความเป็นเจ้าของร่วมในทีม
  2. Learner Safety – ปลอดภัยที่จะ “เรียนรู้”
    กล้าที่จะถามสิ่งที่ไม่รู้ ลองผิดพลาดเพื่อเก็บเกี่ยวบทเรียน รู้สึกมั่นใจว่าแม้จะยังไม่เชี่ยวชาญก็ไม่ถูกมองว่าโง่หรือไร้ความสามารถ การเรียนรู้เกิดขึ้นจากการทดลอง ซักถาม และการได้รับคำแนะนำที่สร้างสรรค์ ซึ่งช่วยให้ทีมเติบโตและพัฒนาทักษะร่วมกัน
  3. Contributor Safety – ปลอดภัยที่จะ “มีส่วนร่วม”
    กล้านำทักษะ ความรู้ และความคิดสร้างสรรค์มาช่วยทีมเต็มที่ รู้สึกว่าความเห็นและความพยายามของตนเองมีค่า ได้รับการรับฟังและนำไปใช้จริง การมีส่วนร่วมไม่ได้จำกัดแค่การทำตามหน้าที่ แต่หมายถึงการได้เติมเต็มศักยภาพเพื่อช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จ
  4. Challenger Safety – ปลอดภัยที่จะ “ท้าทาย”
    กล้าตั้งคำถามต่อวิธีการเดิม ๆ เพื่อหาหนทางใหม่ ๆ ที่ดีกว่า สมาชิกทีมรู้สึกมั่นใจว่าสามารถโต้แย้งอย่างสุภาพ เสนอความเห็นที่ต่างออกไป หรือชี้ให้เห็นจุดบอดที่อาจมีอยู่ โดยไม่ถูกตีตราหรือถูกปิดกั้น การท้าทายที่สร้างสรรค์เช่นนี้เป็นเชื้อเพลิงสำคัญในการสร้างนวัตกรรมและการพัฒนาองค์กร

จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติในองค์กร

การสร้าง Psychological Safety ไม่ได้เกิดขึ้นจากคำสั่ง แต่เกิดจาก พฤติกรรมของผู้นำและสมาชิกทีมในทุกวัน

  • ผู้นำ ต้องกล้ารับฟังมากกว่าพูด เปิดพื้นที่ให้คำถาม และยอมรับความผิดพลาดของตนเองให้ทีมเห็นเป็นตัวอย่าง
  • ทีมงาน ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน เคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง และเรียนรู้ที่จะใช้ “ความเงียบ” เพื่อฟังอย่างตั้งใจ
  • องค์กร ควรออกแบบระบบการประเมินและการสื่อสารที่ไม่สร้างความกลัว เช่น การชมเชยที่จริงใจ การให้ Feedback แบบสร้างสรรค์ และไม่ใช้ความผิดพลาดเล็กน้อยเป็นเครื่องมือในการลงโทษ

สรุป

ในยุคที่ความรู้ไม่ได้อยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่เกิดจาก “การต่อยอดร่วมกัน” องค์กรที่สร้างบรรยากาศปลอดภัยทางจิตใจได้ คือองค์กรที่จะได้พลังสร้างสรรค์จากทุกคนอย่างเต็มที่

เพราะท้ายที่สุดแล้ว “นวัตกรรมไม่ได้เกิดจากความเงียบ แต่มันเกิดจากเสียงที่ทุกคนกล้าพูดออกมา”

ใส่ความเห็น

บลอกที่ WordPress.com .

ขึ้น ↑