ความใฝ่รู้ (Curiosity) ทักษะสำคัญ เพื่อการเติบโตของคนทำงานยุคใหม่

ในโลกของการทำงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความสามารถในการ “เรียนรู้ให้ไว” ไม่ใช่แค่การมีทักษะทางเทคนิคหรือความรู้ทันสมัย แต่คือการมีวุฒิภาวะภายใน — การกล้ายอมรับความผิดพลาด กล้ารับฟังความจริง และกล้ามองเข้าไปในตัวเองอย่างไม่ตัดสิน

เช่น ผู้จัดการคนหนึ่งเพิ่งได้รับคำติจากผู้บริหารว่า การนำเสนอของเขายังไม่ชัดเจนพอ แทนที่จะรู้สึกเสียหน้า เขากลับเลือกกลับไปทบทวนว่า “ที่ฉันนำเสนอไม่ชัดเจนนั้นเป็นเพราะอะไร? ฉันเข้าใจประเด็นนั้นดีพอหรือไม่?” แล้วนำคำถามเหล่านี้กลับมาปรับแผน เตรียมตัวให้พร้อมยิ่งขึ้นในการนำเสนอครั้งต่อไป ความใฝ่รู้ในตัวเองเช่นนี้ คือก้าวแรกของการเติบโตที่แท้จริง

ความใฝ่รู้ในตัวเอง (Self-Curiosity) คืออะไร

หลายคนเข้าใจคำว่า curiosity ว่าหมายถึงความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องภายนอก เช่น เทคโนโลยีใหม่ ข่าวสาร หรือข้อมูลธุรกิจ แต่ในทางจิตวิทยา “ความใฝ่รู้ในตัวเอง” คือ การหันกลับมาเข้าใจตัวเองอย่างลึกซึ้ง และตั้งคำถามอย่างไม่ตัดสิน

มันคือการถามว่า:

  • ทำไมบางเรื่องกระทบใจเรามาก?
    • เช่น เมื่อเพื่อนร่วมงานพูดเล่นเรื่องงานของเรา แม้ไม่ได้ตั้งใจ แต่เรากลับรู้สึกไม่พอใจอย่างรุนแรง หรือเมื่อหัวหน้าให้คำแนะนำเล็กน้อย เรากลับรู้สึกเหมือนถูกตำหนิ
    • บางครั้ง สิ่งที่มากระทบอาจไม่ใช่เรื่องในปัจจุบัน แต่คือ “ร่องรอย” จากอดีตที่ยังตกค้าง เช่น เคยถูกตำหนิแรง ๆ หรือถูกมองข้ามมาก่อน ทำให้สมองและหัวใจตีความสถานการณ์ใหม่ผ่านเลนส์เดิม ๆ โดยไม่รู้ตัว
  • ทำไมคำพูดแบบนี้ถึงทำให้เราปรี๊ดแตก?
    • เช่น เพื่อนร่วมงานพูดว่า “งานเธอยังต้องปรับอีกเยอะนะ” โดยไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แต่เรากลับรู้สึกฉุนเฉียว ความรู้สึกนี้อาจเกิดจากความคาดหวังที่เรามีต่อตัวเอง หรือความไม่มั่นใจที่ฝังอยู่ลึก ๆ ภายในใจ
    • ถ้าเรากล้าถามตัวเองว่า “คำพูดนี้ไปกระทบอะไรในใจเรา?” เราอาจค้นพบว่าเรากำลังยึดติดกับภาพลักษณ์ของความเก่ง หรืออาจเคยมีประสบการณ์ที่ถูกวิจารณ์อย่างเจ็บปวดมาก่อน
  • เราเรียนรู้อะไรจากสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นได้บ้าง?
    • เช่น เมื่อลูกค้าไม่พอใจกับการนำเสนองานของเรา แทนที่จะโทษตัวเองหรือโทษลูกค้า ให้เราหยุดถามว่า “ฉันสามารถเตรียมตัวให้ดีกว่านี้ได้ไหม?” หรือ “มีจุดใดที่ฉันสื่อสารคลาดเคลื่อนหรือไม่?”
    • การตั้งคำถามแบบนี้เปิดพื้นที่ให้เราเรียนรู้จากสถานการณ์ แทนที่จะปกป้องตัวเองด้วยอารมณ์หรือข้ออ้าง

เมื่อเรากล้าตั้งคำถามเหล่านี้อย่างอ่อนโยน โดยไม่รีบตัดสินหรือผลักไสความรู้สึก เรากำลังเปิดพื้นที่ให้การเติบโตทางใจได้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง

ตัวอย่างในที่ทำงาน

ลองนึกถึงสถานการณ์หนึ่ง: พนักงานคนหนึ่งรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งที่ได้รับ feedback แม้ว่าคำติชมนั้นจะสุภาพและมีเจตนาดี เธอกลับรู้สึกเหมือนตัวเองล้มเหลว ทั้งที่ไม่มีใครพูดเช่นนั้น

หากเธอใช้ความใฝ่รู้ในตัวเอง เธออาจหยุดและถามว่า: “เรากลัวอะไรในการได้รับ feedback?” และเมื่อทบทวนอย่างลึกซึ้ง เธออาจพบว่าตัวเองเคยถูกตำหนิรุนแรงในอดีต ทำให้ทุกครั้งที่ได้รับเสียงสะท้อน เธอรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปในเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง

การรู้เท่าทันเช่นนี้ ช่วยให้เธอแยกอดีตออกจากปัจจุบัน และสร้างประสบการณ์ใหม่กับ feedback ในฐานะ “เครื่องมือแห่งการเติบโต” ไม่ใช่ “อาวุธแห่งการทำร้าย”

HR และผู้นำควรส่งเสริมความใฝ่รู้อย่างไร

  1. สร้างวัฒนธรรมการให้ feedback ที่ปลอดภัย
    • ไม่ใช่แค่ “ให้ feedback” แต่ต้องสร้างบรรยากาศที่ทำให้พนักงานรู้สึกปลอดภัยที่จะ “รับ feedback”
    • สนับสนุนให้เกิดบทสนทนา เช่น “คุณมองเห็นอะไรที่ฉันยังไม่เห็น?” หรือ “มีอะไรที่คุณอยากให้ฉันลองพัฒนาอีกบ้าง?”
  2. ฝึกตั้งคำถามกับตัวเองแทนการด่วนสรุป
    • แทนที่จะคิดว่า “ฉันไม่ดีพอ” ให้ลองถามว่า “เกิดอะไรขึ้นในใจฉัน?” หรือ “ฉันรู้สึกอะไรและทำไมถึงรู้สึกเช่นนั้น?”
    • ฝึกเปลี่ยนจาก self-judgment เป็น self-inquiry
  3. เป็นผู้นำที่เปิดใจเรียนรู้จากทีม
    • ยอมรับว่าผู้นำเองก็ไม่รู้ทุกเรื่อง และกล้าเปิดรับมุมมองใหม่ ๆ จากลูกทีมโดยไม่ปิดกั้น
    • การแสดงความใฝ่รู้ในตัวเองของผู้นำ เป็นแรงบันดาลใจให้ทีมกล้าเรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน

ความใฝ่รู้: ทางลัดของการเติบโตที่ยั่งยืน

คนที่มีความใฝ่รู้ในตัวเองจะไม่ติดอยู่กับพฤติกรรมเดิม ๆ ที่สร้างความทุกข์ หรือทำลายบรรยากาศในทีม พวกเขาจะค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากภายใน โดยไม่ต้องให้ใครบังคับ

นี่คือทักษะสำคัญของการเป็น “มนุษย์ทำงานที่เติบโตได้” ไม่ใช่แค่เก่งขึ้นในสายตาคนอื่น แต่เข้าใจตัวเองลึกขึ้นในแบบที่มีความสุขกับการทำงานมากขึ้น

“ความใฝ่รู้เปลี่ยนความไม่สบายใจให้กลายเป็นการค้นพบ”

และในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ความใฝ่รู้คือเข็มทิศภายในที่ช่วยพาเราเดินหน้าต่ออย่างมีสติ มั่นคง และพร้อมเติบโต

เริ่มต้นจากคำถามง่าย ๆ

องค์กรที่อยากให้คนของตนก้าวหน้าอย่างแท้จริง ควรเริ่มต้นจากการเปิดพื้นที่แห่งคำถาม ด้วยคำถามเรียบง่ายที่เปี่ยมพลัง เช่น:

“วันนี้ คุณอยากเข้าใจอะไรมากขึ้นเกี่ยวกับตัวเองบ้าง?”

ใส่ความเห็น

บลอกที่ WordPress.com .

ขึ้น ↑