การเปลี่ยนบทบาทจากผู้จัดการ (Manager) ที่ต้องสั่งการและควบคุมผลงานของทีม ไปเป็นโค้ช (Coach) ที่เน้นการรับฟังและชี้แนะ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ท้าทายและเต็มไปด้วยอุปสรรค แม้ในทฤษฎีนี้จะมองเห็นถึงประโยชน์อย่างชัดเจนในการพัฒนาศักยภาพของพนักงาน แต่ในการปฏิบัติกลับพบว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ราบรื่นและเป็นไปได้ยาก ผู้จัดการหลายคนพบว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ต้องการทักษะใหม่ๆ และวิธีคิดที่แตกต่างจากเดิม ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปรับตัวเข้ากับบทบาทที่ต้องใช้ความสามารถทางอารมณ์และการสื่อสารในระดับสูง
การให้ Manager เป็น Coach เพื่อพัฒนาผลงานของพนักงานเป็นแนวคิดที่ดีและมีประโยชน์ในเชิงทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติมักมีความท้าทายหลายประการที่ทำให้การดำเนินการเป็นไปได้ยาก:
1. ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับบทบาทของ Manager และ Coach
– Manager มักถูกมองว่าต้องสั่งการ ควบคุม และติดตามผลลัพธ์เป็นหลัก ในขณะที่ Coach เน้นการรับฟัง ชี้แนะ และดึงศักยภาพของพนักงาน ซึ่งบทบาททั้งสองมีความแตกต่างกันโดยพื้นฐาน
– Manager หลายคนยังไม่เข้าใจว่า Coaching ไม่ใช่การบอกวิธีทำงาน แต่คือการตั้งคำถามเพื่อช่วยให้พนักงานคิดและแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
—
2. ขาดทักษะในการ Coaching
– การเป็น Coach ต้องใช้ทักษะที่เฉพาะเจาะจง เช่น การฟังอย่างลึกซึ้ง (Active Listening), การตั้งคำถามทรงพลัง (Powerful Questions) และการให้ Feedback อย่างสร้างสรรค์ ซึ่ง Manager ส่วนใหญ่มักไม่ได้รับการฝึกอบรมหรือพัฒนาในด้านนี้
—
3. แรงกดดันด้านเวลา
– Manager มักมีภาระงานประจำจำนวนมาก เช่น การบริหารงาน การประชุม และการวางแผน ซึ่งทำให้ไม่มีเวลามากพอสำหรับการ Coaching พนักงานอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
– ความเร่งด่วนในงานประจำมักทำให้ Manager เลือก “บอก” แทน “ถาม” เพื่อให้ได้คำตอบเร็วขึ้น
—
4. พนักงานไม่กล้าที่จะบอกจุดอ่อน หรือความผิดพลาดของตน
– พนักงานอาจรู้สึกไม่สบายใจที่จะเปิดเผยปัญหาหรือข้อจำกัดที่แท้จริงให้ Manager รับรู้ เพราะกังวลว่าอาจกระทบต่อการประเมินผลงานหรือความก้าวหน้าในอาชีพ
– Manager เองก็อาจมี Bias หรืออคติต่อพนักงาน ทำให้การ Coaching ไม่เป็นกลางหรือไม่ก่อให้เกิดความไว้วางใจ
—
5. วัฒนธรรมองค์กรที่ไม่สนับสนุน Coaching
– หากองค์กรไม่มีวัฒนธรรมที่เน้นการเรียนรู้และพัฒนา (Learning Culture) หรือไม่ได้สนับสนุน Coaching อย่างจริงจัง Manager ก็อาจมองว่าการ Coaching เป็นเพียง “งานเสริม” ที่ไม่มีความสำคัญเท่างานหลัก
– การขาดระบบสนับสนุน เช่น การให้เครื่องมือ Coaching หรือการประเมินผลความสำเร็จของการ Coaching ก็ทำให้ Manager ขาดแรงจูงใจ
—
6. ความคาดหวังที่ไม่ชัดเจน
– องค์กรอาจไม่ได้กำหนดเป้าหมายหรือแนวทางชัดเจนสำหรับบทบาทของ Manager ในการเป็น Coach ทำให้ Manager ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร และไม่เข้าใจว่าการ Coaching จะช่วยพัฒนาผลงานของทีมอย่างไร แค่ประกาศปาว ๆ ว่า ผู้จัดการทุกคนต้องเป็น Coach ด้วยนะ แต่กลับไม่มีการกำหนดแนวทางที่ชัดเจน ไม่มีการให้รางวัล ไม่มีอะไรเลย
—
วิธีแก้ไขปัญหา
1. จัดอบรมและพัฒนา Manager ให้มีทักษะ Coaching
– พัฒนาทักษะการสื่อสาร การฟัง และการตั้งคำถาม
2. ปรับวัฒนธรรมองค์กร
– สร้างวัฒนธรรมที่สนับสนุนการเรียนรู้และการ Coaching
3. ลดภาระงาน Manager
– ปรับโครงสร้างงานหรือแบ่งงานบางส่วนให้ Manager มีเวลาสำหรับการ Coaching มากขึ้น
4. สร้างระบบสนับสนุน
– เช่น คู่มือ Coaching, Template สำหรับการตั้งคำถาม และเครื่องมือวัดผล
5. สร้างความไว้วางใจ
– ส่งเสริมความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่าง Manager และพนักงาน เพื่อให้พนักงานกล้าเปิดใจ
6. กำหนดเป้าหมายและผลลัพธ์ที่ชัดเจน
– เช่น การวัดผลลัพธ์จากการ Coaching ว่าส่งผลต่อประสิทธิภาพและการพัฒนาของพนักงานอย่างไร และให้เป็นรางวัลผลงานสำหรับผู้จัดการที่สามารถเป็นโค้ชได้ดี
การเปลี่ยน Manager ให้เป็น Coach ที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยเวลา การฝึกฝน และความมุ่งมั่นจากทั้งตัว Manager และองค์กรอย่างต่อเนื่อง หากทำได้สำเร็จ จะช่วยเพิ่ม Engagement และ Performance ของทีมได้อย่างมหาศาล
ใส่ความเห็น