ในโลกการทำงานยุคปัจจุบัน “เจนเนอเรชัน Z” หรือผู้ที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2540-2555 กำลังกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของแรงงานรุ่นใหม่ กลุ่มนี้ถูกนิยามว่าเป็น “ดิจิทัลเนทีฟ” หรือคนที่เติบโตมากับโลกเทคโนโลยี แต่เมื่อเข้าสู่โลกของการทำงาน กลับถูกมองในแง่ลบอยู่เสมอด้วยการบอกว่าขาดความเป็นมืออาชีพและไร้ความรับผิดชอบในหน้าที่ อย่างไรก็ตาม บทความนี้ขอเชิญชวนผู้อ่านสำรวจอีกแง่มุมหนึ่งของคนเจน Z ที่พ้นไปจากอคติทั่วไป ความหวัง และความฝัน ที่พวกเขามีต่อโลกการทำงาน
ภาพลวงกับความจริง
อคติที่พบบ่อย
ไม่ต่างจากรุ่นพี่อย่าง “เบบี้บูมเมอร์” หรือ “เจน X” คนเจน Z ถูกมองว่าเป็นคนที่เรียกร้องสิทธิ์เกินความจำเป็น ขาดทักษะการสื่อสารแบบตัวต่อตัว เพราะเติบโตมากับโลกออนไลน์ ความยืดหยุ่นในการทำงาน หรือการขอความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในสายงาน มักถูกมองเป็นเรื่องไร้สาระและไม่เป็นจริง
ความจริงของคน Gen Z
ความเป็นจริงคือ เจน Z ไม่ได้เป็นเช่นนั้น พวกเขาเติบโตมาในโลกที่เผชิญวิกฤตมากมาย ทั้งเศรษฐกิจตกต่ำ โรคระบาด และความตื่นตัวทางสังคมในประเด็นความยุติธรรมทางสังคม พวกเขามีมุมมองที่พิเศษต่อการทำงาน ซึ่งแตกต่างไปจากรุ่นพี่ มุ่งเน้นไปที่ความยั่งยืน และความยืดหยุ่นในชีวิตประจำวัน มากกว่าจะสนใจเงินเดือนสูง ๆ หรือยศถาบรรดาศักดิ์
ปัจจัยที่หล่อหลอมทัศนคติต่อการทำงาน
สิ่งแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคม
คนเจน Z เติบโตมาในช่วงเวลาที่โลกเผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ อาทิ การถดถอยทางเศรษฐกิจในปี 2551 และการระบาดของโควิด-19 ประสบการณ์เหล่านี้หล่อหลอมให้พวกเขาให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางการเงินและความยืดหยุ่นในที่ทำงานอย่างมาก นอกจากนี้ คนเจน Z ยังเป็นรุ่นที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ทำให้พวกเขามีความตื่นตัวต่อปัญหาความเท่าเทียมและความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมมากกว่ารุ่นก่อน ๆ
สุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี
อีกหนึ่งแง่มุมที่เจน Z นำเสนออย่างชัดเจนในโลกการทำงานคือการให้ความสำคัญกับสุขภาพจิต ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า 42% ของคนเจน Z ประสบกับอาการซึมเศร้า และพวกเขาคาดหวังให้นายจ้างสนับสนุนทางด้านนี้ ผ่านโปรแกรมดูแลสุขภาพจิตและการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดี
สิ่งที่เจน Z ต้องการในที่ทำงาน
ความยืดหยุ่นและการทำงานแบบไฮบริด
ความยืดหยุ่นในสถานที่ทำงานเป็นสิ่งที่เจน Z ให้ความสำคัญมาก คนกลุ่มนี้ชื่นชอบการทำงานแบบไฮบริด ที่ผสมผสานการทำงานจากที่บ้านและการทำงานในสำนักงาน ขณะเดียวกันก็ยังเห็นคุณค่าของการทำงานร่วมกันแบบตัวต่อตัวในการสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน
การเติบโตในสายงานและการเป็นพี่เลี้ยง
การพัฒนาทางอาชีพเป็นสิ่งที่เจน Z ให้ความสำคัญอย่างสูง พวกเขาเปิดรับต่อการเรียนรู้ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยมีถึง 83% ที่เห็นว่าการมีพี่เลี้ยงเป็นสิ่งจำเป็นต่อความสำเร็จทางอาชีพ สำหรับคนเจน Z ความสำเร็จในอาชีพไม่ได้วัดด้วยตำแหน่งหรือรายได้เท่านั้น แต่หมายถึงการเติบโต การเรียนรู้ และการหาความหมายในงานที่ทำ
วิธีปรับตัวเพื่อเอาชนะอคติที่มีต่อ Gen Z
สร้างวัฒนธรรมที่ครอบคลุม
องค์กรที่ต้องการดึงดูดและรักษาพนักงานเจน Z ควรสร้างวัฒนธรรมที่ครอบคลุมและมีเป้าหมายที่ชัดเจนในเรื่องความหลากหลายและความเท่าเทียม การจัดฝึกอบรมในเรื่องความหลากหลายและการสนับสนุนบทสนทนาเปิดกว้างเกี่ยวกับปัญหาสังคมจะช่วยให้องค์กรกลายเป็นสถานที่ทำงานที่เหมาะสมสำหรับคนรุ่นนี้
ยอมรับเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ในฐานะที่เป็นกลุ่มที่เติบโตมากับโลกดิจิทัล คนเจน Z คาดหวังให้องค์กรมีการใช้เทคโนโลยีอย่างเต็มที่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการสร้างสรรค์นวัตกรรม การลงทุนในเครื่องมือที่ช่วยให้การทำงานร่วมกันเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพจะเป็นประโยชน์ในการดึงดูดคนรุ่นนี้
สนับสนุนสุขภาพจิต
เนื่องจากคนเจน Z ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิต องค์กรควรให้ความสำคัญกับการสนับสนุนด้านนี้อย่างจริงจัง การมีโปรแกรมดูแลสุขภาพจิต การให้วันหยุดเพื่อพักฟื้น และการสร้างวัฒนธรรมที่เปิดกว้างในการพูดคุยเรื่องสุขภาพจิต จะทำให้พนักงานรุ่นใหม่รู้สึกว่าองค์กรเห็นคุณค่าและใส่ใจพวกเขา
แม้ว่าคนเจน Z อาจมีความคาดหวังที่แตกต่างจากคนรุ่นก่อน ๆ แต่พวกเขาไม่ใช่คนที่ขาดความรับผิดชอบหรือไม่จริงจังกับการทำงานตามที่ถูกวิจารณ์ เจน Z เป็นกลุ่มคนที่มีความมุ่งมั่นในงาน มีคุณค่าในเรื่องความยั่งยืน และต้องการการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดและรักษาพวกเขา องค์กรจำเป็นต้องก้าวข้ามภาพลวงและสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงของพวกเขา
ใส่ความเห็น