ประโยคข้างต้นท่านผู้อ่านคิดอย่างไรครับ ผมได้ยินจากปากของผู้บริหารในหลายองค์กร ซึ่งย้ำหลายรอบมากว่า ปัจจัยเดียวเท่านั้นที่จะซื้อใจ ซื้อผลงาน และซื้อแรงจูงใจของพนักงานได้ ก็คือ เงิน ถ้ามีเงินก็สามารถซื้อได้ทุกอย่าง ผมได้ยินครั้งแรกแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ ก็เลยเป็นที่มาของบทความนี้ว่า ท่านเชื่ออย่างที่ผู้ประกอบการท่านนี้กล่าวไว้หรือไม่ว่า เงินเท่านั้นที่จะสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้กับพนักงานได้อย่างเต็มที่
ผู้ประกอบการท่านนี้บอกผมว่า เขาใช้เงินในการสร้างธุรกิจของเขาขึ้นมา จากนั้นก็ใช้เงินในการว่าจ้างพนักงาน อยากได้คนเก่งๆ หน่อย ก็ใช้เงินซื้อมาจากบริษัทคู่แข่งได้เลย ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพัฒนาพนักงาน เพราะซื้อมาแล้วก็สามารถที่จะทำงานได้ทันที อีกทั้งถ้าปีไหนที่ผลประกอบการดี เขาก็ให้เงินพนักงานเพื่อตอบแทนเป็นโบนัส และบอกกับพนักงานว่าถ้าอยากได้มากกว่าปีนี้ ปีหน้าก็ให้สร้างผลงานให้ได้ดีกว่าปีนี้
เมื่อไหร่ที่พนักงานบางคนต้องการจะลาออก และเป็นพนักงานมือดี ผู้ประกอบการท่านนี้ก็ใช้เงินเป็นเครื่องมือในการรั้งตัวพนักงานไว้ บางคนก็ต้องเพิ่มเงินให้เกือบเท่าตัวเพื่อให้พนักงานตัดสินใจอยู่ทำงานกับบริษัทต่อไปเรื่อยๆ
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผู้บริหารท่านนี้ผ่านประสบการณ์ในการบริหารคนมากขึ้น ก็เริ่มเปิดใจยอมรับว่า เงิน ไม่สามารถซื้อทุกอย่างเกี่ยวกับพนักงานได้จริง ๆ เรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารท่านนี้ก็คือ พนักงานเริ่มไม่มีแรงจูงใจในการทำงาน เพราะรู้สึกว่าเอะอะก็ใช้เงินฟาดหัว ไม่สนใจว่าพนักงานจะรู้สึกอย่างไร มีปัญหาในการทำงานหรือไม่ สิ่งหนึ่งที่ผู้ประกอบการท่านนี้พยายามสร้างขึ้นมาก็คือ ระบบ Incentive ตามผลงาน ซึ่งฟังดูแล้วก็น่าจะดีใช่มั้ยครับ แต่ผลที่ได้กลับตรงกันข้าม
แนวคิดของ Incentive ก็คือ ถ้าพนักงานสร้างผลงานได้ดี ได้มาก ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ก็จะมีเงินจูงใจจ่ายให้ในอัตราก้าวหน้า กล่าวคือ ยิ่งทำได้มาก ก็ยิ่งได้เงินมากขึ้นตามลำดับ เนื่องจากผู้ประกอบการท่านนี้เชื่อไปในทางนี้ก็เลยออกแบบระบบ Incentive ที่ใช้เงินในการจูงใจผลงานพนักงานออกมา
แต่ผลที่เกิดขึ้นก็คือ มีพนักงานแค่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยอมทำตาม และสร้างผลงานที่ดีเพราะอยากได้เงิน ที่เหลือส่วนใหญ่ ขอลาออกยกทีม ด้วยเหตุผลว่า ทำงานที่นี่แล้วถูกปฏิบัติเหมือนขอทาน (แรงมาก) ทุกอย่างใช้เงินซื้อหมด แต่สิ่งที่พนักงานอยากได้นั้นไม่ใช่แค่เพียงเงิน แต่อยากได้ความรักและความเอาใจใส่จากนายของตนเองบ้าง แค่คำขอบคุณยังไม่เคยออกจากปากผู้บริหารเลย อีกทั้งยังไม่เคยสร้างความรู้สึกว่า พนักงานเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ ไม่เคยยอมรับในความสามารถของพนักงาน มีแต่จิกหัวใช้ พอได้ได้ดั่งใจ ก็เอาเงินแก้ไขปัญหา ไม่เคยคิดจะพัฒนาพนักงาน ไม่เคยมองอนาคตของพนักงานว่าจะเติบโตไปไหนได้บ้าง ฯลฯ
ผมฟังผู้ประกอบการท่านนี้เล่าให้ฟังแล้ว ก็รู้สึกเห็นใจท่านมาก เพราะท่านเคยเชื่ออย่างสนิทใจเลยว่า เงินคือคำตอบของทุกอย่าง แต่ผมซึ่งทำงานทางด้านการบริหารคนมาสักพักใหญ่ กลับเห็นว่า เงินไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นแล้ว ระบบ Incentive ระบบ Sales Commission ที่ใช้เงินเป็นเครื่องมือ ก็ต้องประสบความสำเร็จไปหมดสิครับ แต่ทำไมบางคนทำได้ บางคนทำไม่ได้ นั่นก็แปลว่า เงินไม่ใช่เครื่องมือในการสร้างแรงจูงใจเพียงอย่างเดียว
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เงินไม่สำคัญนะครับ เงินเป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญที่จะทำให้พนักงานมาทำงานกันเราเช่นกัน แต่เงิน ไม่ใช่ทุกอย่างที่จะสร้างแรงจูงใจ สร้างแรงบันดาลใจ สร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของงาน สร้างความรู้สึกร่วมทุกข์ร่วมสุขกับการทำงาน และสร้างความสุขในการทำงาน มันไม่ใช่แค่เงิน
แล้วมีปัจจัยอะไรบ้างที่จะสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานได้
- ช่วยพนักงานให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ พนักงานบางคนทำงานแล้วติดปัญหา มีปัญหามากๆ เข้าก็เริ่มเบื่อ เริ่มหมดแรงจูงใจในการทำงาน แบบนี้ใช้เงินก็คงจะไม่สามารถสร้างแรงจูงใจให้กลับมาได้ สิ่งที่จะต้องทำก็คือ ช่วยพนักงานเหล่านี้ให้ได้เรียนรู้เทคนิคในการทำงานใหม่ๆ โดยการส่งไปอบรม หรือสอนงานด้วยตัวหัวหน้าเอง เพื่อทำให้พนักงานเกิดความมั่นใจ และมีความรู้ทักษะที่มากพอที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ด้วยตนเอง ซึ่งถ้าพนักงานสามารถแก้ไขปัญหาที่ไม่เคยแก้ได้ เขาจะรู้สึกถึงความสำเร็จ ความภาคภูมิใจ ซึ่งนี่คือสิ่งที่สร้างแรงจูงใจในการทำงานมากกว่าตัวเงิน
- รู้จักขอบคุณพนักงานบ้าง แค่คำว่า “ขอบคุณครับ/ค่ะ” ก็สามารถที่จะสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานได้แล้ว แต่ขอให้ใช้ให้ถูกที่ถูกเวลา และที่สำคัญก็คือจะต้องพูดด้วยความจริงใจอย่างแท้จริง แล้วพนักงานจะสัมผัสมันได้อย่างแน่นอน ความรู้สึกของพนักงานเมื่อได้รับคำนี้จากนายก็คือ พนักงานจะรู้สึกว่านายให้การยอมรับในผลงาน และตนเองมีความสำคัญต่อผลสำเร็จของงานที่นายมอบหมายให้ แรงจูงใจก็จะเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องจ่ายเงินสักบาท
- มอบหมายงานที่สำคัญๆ ให้ทำบ้าง พนักงานบางคนแค่เพียงได้รับมอบหมายงานที่ท้าทาย และมีความสำคัญต่อองค์กร ก็เกิดพลังในการทำงานอย่างมากมาย โดยไม่จำเป็นต้องไปแตะเรื่องค่าตอบแทนใดๆ เลย เพราะการกระทำดังกล่าว เป็นตัวบอกพนักงานว่า นายให้ความสำคัญกับเขา และไว้วางใจให้เขารับผิดชอบงานที่สำคัญๆ แบบนี้
- ช่วยพนักงานให้เติบโตในการทำงาน อีกเรื่องที่พนักงานมองว่าสำคัญต่อตนเองมากกว่าเรื่องของเงิน และค่าตอบแทนก็คือ อนาคตของตนเองในการทำงานกับบริษัทว่าจะเติบโตไปถึงไหน อย่างไร และถ้านายช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าทำงานที่นี่แล้วจะเจริญเติบโตแน่นอน โดยมีการคุยกัน วางแผนการพัฒนาการทำงาน และวางแผนสายอาชีพร่วมกับพนักงาน ก็จะทำให้พนักงานเกิดแรงจูงใจในการทำงานกับองค์กรอย่างต่อเนื่อง เพราะพนักงานรู้ว่า องค์กรให้ความสำคัญกับเขา และพยายามทำให้เขาเติบโตในองค์กรนี้
- ยอมรับในฝีมือพนักงาน อีกประเด็นที่พนักงานเก่ง ๆ ต้องการก็คือ การที่ผู้บริหาร หรือผู้จัดการให้การยอมรับในฝีมือการทำงาน ว่าเป็นคนเก่ง เป็นคนที่องค์กร และทีมงานต้องการ และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทีมงาน และองค์กรประสบความสำเร็จได้ ถ้าเราสามารถทำให้พนักงานรู้สึกแบบนี้ได้จริง ๆ เขาจะเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของงาน และรู้สึกถึงความสำคัญในตนเองกับความสำเร็จของงาน ซึ่งจะมีผลต่อการสร้างแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้นได้อีก
สิ่งเหล่านี้คือปัจจัยที่สามารถสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ต้องใช้เงิน หรือค่าตอบแทนเข้ามาเลยด้วยซ้ำไป แต่เราสามารถที่จะซื้อใจพนักงานได้อย่างเต็มที่
ดังนั้นเงินไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่จะสร้างแรงจูงใจในการทำงานที่ดีให้กับพนักงาน สิ่งที่คนเราต้องการในชีวิตไม่ใช่แค่เงินเท่านั้น แต่สิ่งที่คนเราต้องการมากกว่าเงินก็คือ ความรู้สึกว่าตนเองเป็นคนสำคัญในสายตาของคนอื่น โดยเฉพาะในสายตาของนายของตน
ใส่ความเห็น