เรื่องของการพัฒนาพนักงานเป็นอีกเรื่องที่มีความสำคัญมากในการบริหารทรัพยากรบุคคลขององค์กร ปกติแล้วองค์กรย่อมต้องการที่จะประสบความสำเร็จตามวิสัยทัศน์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลกำไร ยอดขาย ส่วนแบ่งตลาด ความพึงพอใจของลูกค้า ฯลฯ ยิ่งไปกว่านั้นเป้าหมายเหล่านี้ก็เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ยากขึ้นทุกปี ท้าทายขึ้นทุกปี
เมื่อองค์กรต้องการความสำเร็จที่สูงขึ้นตลอด คำถามก็คือ แล้วความสำเร็จขององค์กรนั้น มันจะมาได้อย่างไร อะไรคือปัจจัยที่ทำให้องค์กรประสบความสำเร็จได้อย่างที่ต้องการ ถ้าลองไล่เรียงกันไปเรื่อยๆ จากผลไปหาเหตุ สุดท้ายก็มาสุดที่เรื่องของ “คน” หรือที่เราเรียกกันว่า “ทรัพยากรบุคคล” นั่นเอง
ประเด็นที่น่าคิดก็คือ ถ้าองค์กรต้องการความสำเร็จที่สูงขึ้น และต้องการความสำเร็จที่มีความยั่งยืนไปเรื่อยๆ แต่ถ้าคนในองค์กรไม่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเลย แล้วความสำเร็จนั้นจะมาจากไหนได้ ลองนึกดูง่ายๆ ก็ได้ครับ ถ้าองค์กรของเราต้องการผลกำไรที่มากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยต้องเพิ่มยอดขายในตลาดใหม่ที่เราไม่เคยเข้าไปมาก่อน และถ้าพนักงานเองก็ไม่มีความรู้ในเรื่องของตลาดใหม่นี้เลย เราจะสามารถเอาความรู้เก่าๆ ไปใช้กับตลาดใหม่ที่กำลังจะเข้าไปได้จริงหรือ คำตอบก็คือ ไม่ได้ทั้งหมด ดังนั้น เรื่องของการฝึกอบรมและพัฒนาพนักงานจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญที่จะเป็นกลไกที่ทำให้พนักงานได้รับความรู้ ทักษะในการทำงานมากขึ้น และสามารถนำเอาความรู้ใหม่ๆ นั้นไปใช้ในการพัฒนาองค์กรให้เติบโตไปได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับหลายๆ องค์กรก็คือ เราเสียงบประมาณไปกับการฝึกอบรม และพัฒนาพนักงานมากมาย แต่กลับไม่เห็นผลอะไรเกิดขึ้นเลย ผู้บริหารเองก็ดูเหมือนกับว่า จะพยายามลดงบประมาณในส่วนนี้ลงไปอีก เพราะว่าฝึกอบรมมาแล้วไม่ได้ผลที่ดีขึ้นแต่อย่างใด ผู้บริหารก็เลยสรุปง่ายๆ ว่า จะอบรม หรือไม่อบรม ก็ไม่เห็นจะมีอะไรแตกต่างไปจากเดิม แล้วจะเสียเงินฝึกอบรมไปทำไม เอาเงินไปใช้ลงทุกอย่างอื่นที่ได้ผลตอบแทนที่ดีไม่ดีกว่าหรือ
จริงๆ แล้วสาเหตุที่ทำให้การฝึกอบรมและพัฒนาพนักงานในองค์กรไม่ได้ผลนั้น มันมีที่มาที่ไปครับ องค์กรหลายแห่ง เขาก็ทำได้ผลกันมาเยอะ แต่ที่ไม่ได้ผลก็เนื่องมาจากปัจจัยต่อไปนี้
- ไม่มีการวางแผนการฝึกอบรมที่ชัดเจน สิ่งแรกที่ทำให้การฝึกอบรมของเราไม่ได้ผลก็คือ มีการจัดฝึกอบรมแบบไม่มีแผนงานรองรับ ไม่มีแนวทางที่ชัดเจน ไม่มีการกำหนดสิ่งที่เรียกว่า Core Knowledge ขององค์กร และ Competency ต่างๆ ให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น ก็เลยทำให้หัวหน้าไม่รู้ว่าจะต้องส่งพนักงานไปฝึกอบรมในเรื่องอะไรบ้าง พอถึงเวลาก็เลยส่งๆ ไปอย่างนั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่ส่งพนักงานไปฝึกอบรมเลย พนักงานก็เกิดอาการงงๆ ว่าทำไมหัวหน้าเราถึงส่งเราไปอบรมเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่ก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับการทำงานเลยสักนิด สุดท้ายก็เสียเงินเปล่า และไม่ได้ผลอะไรกลับมาเลย เพราะคนส่งก็สักแต่ว่าส่ง คนเรียนก็ไม่มีใจที่อยากจะเรียน
- ขาดการพัฒนาหลักสูตรเฉพาะสำหรับบริษัท ปัจจุบันนี้บริษัทที่ประสบความสำเร็จในเรื่องของการพัฒนาและฝึกอบรมพนักงาน มักจะมีการออกแบบหลักสูตรของตนเอง ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เน้นการพัฒนาความรู้และทักษะที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของบริษัทโดยตรง บางแห่งยังร่วมกับวิทยากรที่เก่งในเรื่องนั้นๆ มาพัฒนาหลักสูตรร่วมกัน เพื่อที่จะใช้เป็นหลักสูตรการพัฒนาพนักงานเฉพาะของบริษัทนั้นๆ ซึ่งจะส่งผลต่องานได้โดยตรง แต่ถ้าบริษัทไม่มีการพัฒนาหลักสูตรของตนเอง สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ เจ้าหน้าที่ฝึกอบรมก็จะทำหน้าที่ไปขอหลักสูตรฝึกอบรมในเรื่องนั้นๆ จากสถาบันต่างๆ จากนั้นก็มาพิจารณาว่าสถาบันไหนดี อันไหนที่สอนได้ครบถ้วน ราคาถูก จำนวนวันเยอะหน่อย จะได้คุ้มๆ แต่ไม่ได้มองเรื่องของคุณภาพของหลักสูตรเลย สุดท้ายก็ไม่ได้ผลอีกเช่นกัน เพราะส่งไปแล้วมันไม่ตรงกับสิ่งที่ต้องนำมาใช้ในการทำงานเลยก็มี
- ขาดการติดตามอย่างต่อเนื่อง การฝึกอบรมจะได้ผลก็ต่อเมื่อ มีการติดตามผลการฝึกอบรมว่ากลับมาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง โดยหัวหน้างานของพนักงานคนนั้นจะต้องทำหน้าที่นี้ โดยการมอบหมายงาน และพยายามที่จะให้พนักงานได้ใช้ทักษะใหม่ๆ ที่ไปอบรมมา จากนั้นก็ต้องทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้กับพนักงานในเรื่องนั้นๆ ด้วย เช่น เราส่งลูกน้องไปอบรมเรื่องของการสื่อสารที่ดี พอเขากลับมา ถ้าหัวหน้าไม่มีการมอบหมายงาน หรือไม่พยายามให้เขาได้สื่อความมากขึ้น โดยใช้ความรู้ที่เรียนมา ผลก็คือ เขาก็จะไม่ได้นำเอาความรู้นั้นมาใช้ การฝึกอบรมก็จะไม่ได้ผลอีกเช่นกัน แต่ถ้าหัวหน้าติดตาม และมอบหมายงาน รวมทั้งสังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปว่าเป็นอย่างไร และมีการ Feedback ในเรื่องนั้นๆ กับพนักงานอย่างสม่ำเสมอ การฝึกอบรมนั้นก็จะได้ผลดีอย่างต่อเนื่อง พนักงานก็จะเป็นพนักงานที่มีความรู้ความสามารถที่เพิ่มขึ้น และนำไปใช้ในการทำงานจริงได้
- สาเหตุจากตัวพนักงานเอง ตัวพนักงานเองก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การฝึกอบรมไม่ได้ผลเช่นกัน ก่อนจะส่งพนักงานไปอบรมก็คงต้องพิจารณากันก่อนว่าพนักงานคนนั้นทราบหรือไม่ว่า ทำไม่ต้องไปฝึกอบรมหลักสูตรนั้น ๆ และมีความรู้สึกอยากพัฒนาตนเองบ้างหรือไม่ พนักงานบางคนไม่ได้มีความต้องการที่จะพัฒนาตนเองเลยก็มี และมักจะบอกกับวิทยากรเวลาไปอบรมว่า “ถูกนายบังคับให้มาเรียน” ถ้าเป็นแบบนี้ ส่งมาอบรมมากแค่ไหนก็ไม่ได้ผลเพราะพนักงานไม่มีใจที่จะพัฒนาตนเองเลย
- วิทยากร ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ปัจจุบันมีวิทยากรใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ถ้าเราได้เจอกับวิทยากรที่ดี รู้จริง มีประสบการณ์ในสิ่งที่สอน และมีศิลปะในการถ่ายทอดที่ดี พูดเรื่องยากให้เป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย และสามารถนำไปใช้ในทางปฏิบัติได้ ก็จะทำให้คนเรียนเข้าใจในสิ่งที่เรียนมากขึ้นกว่าเดิม วิทยากรบางคนสามารถที่จะให้แรงบันดาลใจกับคนเรียนได้แบบอ้อม ๆ ด้วยเช่นกัน ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราบังเอิญไปเจอกับวิทยากรที่ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องนั้นมาก่อน เป็นแค่เพียงคนเอาเรื่องนั้น ๆ มาพูดมาบรรยายให้จบไปในแต่ละวัน หรือเน้นฮา ขำ โดยไม่มีสาระอะไร เจอแบบนี้การอบรมก็ไม่ได้ผลเช่นกัน
ดังนั้นถ้าเราต้องการให้งบประมาณการฝึกอบรมที่ใช้ไปนั้นได้ผลจริงๆ ก็ต้องเริ่มต้นจากการวางระบบการพัฒนาพนักงานให้ชัดเจน ว่าจะใช้เครื่องมืออะไร เช่น Competency Based เป็นต้น จากนั้นก็ต่อยอดจาก Competency ที่มีนั้น ทำให้เป็นมาตรฐานการฝึกอบรม หรืออาจจะทำเป็น Training Roadmap ก็ได้ว่าการจะพัฒนา Competency อะไรสักตัวจะต้องเริ่มจากอะไร และต่อด้วยอะไรบ้าง
พอแผนงาน และหลักการตรงนี้ชัดเจนแล้ว ก็ต้องมาประเมินความสามารถของพนักงานแต่ละคน ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องมีการพัฒนาหัวหน้างานทุกระดับให้สามารถที่จะประเมินความรู้ความสามารถของพนักงานออก เพื่อที่จะได้หา Gap และนำมาวางแผนในการพัฒนาพนักงานคนนั้นอย่างเจาะจง
มีแผนแล้วก็ต้องลงมืออบรมและพัฒนา ไม่ว่าจะเป็น In-house หรือ Public training ก็แล้วแต่ ที่สำคัญและขาดไม่ได้เลยก็คือ การติดตามและประเมินผล รวมทั้งการพยายามส่งเสริมให้ลูกน้องหรือพนักงานคนนั้นได้นำเอาสิ่งที่ได้เรียนรู้มา ไปใช้ในการทำงานจริงๆ ซึ่งตรงนี้หัวหน้างานจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องนี้เยอะหน่อย
ถ้าทำได้ประมาณนี้ ผมคิดว่างบประมาณการฝึกอบรมของบริษัทก็จะเกิดความคุ้มค่ามากขึ้นอย่างแน่นอนครับ
ใส่ความเห็น