ถึงแม้ผู้บริหารบางท่านอาจมีข้อบกพร่องอยู่บ้างในบางเรื่องซึ่งอาจจะเป็นที่ยอมรับได้ แต่หัวหน้างานที่เป็นพิษมักแสดงพฤติกรรมที่ส่งผลร้ายต่อวัฒนธรรมองค์กร และสุขภาวะของพนักงานอย่างต่อเนื่อง ต่อไปนี้คือ 10 สัญญาณเตือนที่สำคัญ
1. ขาดความตระหนักรู้ในตนเอง
หัวหน้างานที่เป็นพิษมักไม่ยอมรับข้อบกพร่องของตนเอง ส่งผลให้ปิดกั้นการรับฟังข้อเสนอแนะและไม่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการนำของตนเองได้
ขาดความตระหนักรู้ในตนเองสร้างผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อทีมและองค์กร หัวหน้างานที่ไม่รับรู้ถึงข้อบกพร่องของตน มักไม่สามารถประเมินผลการทำงานของตนเองได้อย่างถูกต้อง ส่งผลให้ไม่สามารถพัฒนาตนเองหรือปรับปรุงกระบวนการทำงานได้ การไม่ยอมรับข้อเสนอแนะจากผู้อื่นทำให้การสื่อสารภายในทีมขาดประสิทธิภาพ และบั่นทอนความสามารถในการทำงานร่วมกันในที่ทำงาน
นอกจากนี้ หัวหน้างานที่ขาดความตระหนักรู้ในตนเองยังมักแสดงพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้องกับค่านิยมและวัฒนธรรมขององค์กร ทำให้พนักงานรู้สึกไม่มั่นใจและไม่มีกำลังใจในการทำงาน การไม่ยอมรับข้อผิดพลาดของตนเองยังสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความกลัวและความไม่แน่นอน ซึ่งทำให้พนักงานไม่กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นหรือเสนอไอเดียใหม่ ๆ อีกทั้งยังขาดโอกาสในการเรียนรู้จากข้อผิดพลาดและการเติบโตในสายอาชีพ
2. ขาดความเห็นอกเห็นใจ
หัวหน้างานที่ขาดความเห็นอกเห็นใจมักไม่สนใจความรู้สึกหรือความต้องการของพนักงาน พวกเขาไม่ลงทุนเวลาในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในทีม และไม่คำนึงถึงผลกระทบจากคำพูดหรือการกระทำของตนเองที่มีต่อผู้อื่น หัวหน้างานเช่นนี้มักไม่เข้าใจหรือไม่พยายามเข้าใจปัญหาส่วนตัวหรือความท้าทายที่พนักงานต้องเผชิญ ซึ่งทำให้พนักงานรู้สึกโดดเดี่ยวและไม่ได้รับการสนับสนุน
การขาดความเห็นอกเห็นใจยังนำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เย็นชาและไม่เป็นมิตร พนักงานที่รู้สึกว่าหัวหน้าไม่สนใจหรือไม่เห็นคุณค่าในความพยายามของตนอาจสูญเสียความตั้งใจในการทำงาน ผลที่ตามมาคือการทำงานที่ขาดประสิทธิภาพและความไว้เนื้อเชื่อใจในทีมที่ต่ำลง
นอกจากนี้ พนักงานที่ทำงานภายใต้หัวหน้าที่ขาดความเห็นอกเห็นใจยังมีแนวโน้มที่จะประสบกับความเครียดและความวิตกกังวลที่สูงขึ้น ความตึงเครียดดังกล่าวอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพทางกายและจิตใจ เช่น อาการปวดหัว ปวดหลัง หรือการเสี่ยงต่อการเกิดโรคซึมเศร้าและโรคเครียดรุนแรง
3. เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากเกินไป
หัวหน้าประเภทนี้ชอบขโมยความดีความชอบจากไอเดียของพนักงาน มุ่งเน้นความก้าวหน้าในอาชีพของตนเอง และตัดสินใจเสี่ยงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายต่อบริษัท
หัวหน้างานที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากเกินไปมักมีพฤติกรรมที่เน้นผลประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก และมองข้ามผลกระทบที่มีต่อทีมและองค์กร พวกเขาอาจใช้ไอเดียและความพยายามของพนักงานเพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับตนเอง โดยไม่ให้เครดิตหรือยอมรับความสำเร็จของผู้อื่น การกระทำเช่นนี้ทำให้พนักงานรู้สึกถูกเอาเปรียบและไม่เห็นคุณค่าในความพยายามของตน
หัวหน้าที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนยังมักตัดสินใจอย่างฉับพลันและเสี่ยง โดยไม่พิจารณาผลกระทบระยะยาวต่อบริษัทหรือทีมงาน พวกเขาอาจทำการเปลี่ยนแปลงโดยไม่แจ้งล่วงหน้า หรือไม่รับฟังความคิดเห็นของพนักงาน ซึ่งส่งผลให้เกิดความวุ่นวายและความไม่มั่นคงในที่ทำงาน
นอกจากนี้ การมุ่งเน้นความก้าวหน้าในอาชีพของตนเองมากเกินไปยังทำให้หัวหน้าไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและยืนยาวกับทีมงานได้ พวกเขาอาจละเลยการสนับสนุนหรือการพัฒนาทักษะของพนักงาน เพราะเห็นว่าการลงทุนในบุคลากรไม่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ซึ่งทำให้ทีมขาดการเติบโตและประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
4. พฤติกรรมไม่แน่นอน
วันหนึ่งให้การสนับสนุน อีกวันกลับบั่นทอนพนักงาน อารมณ์ที่แปรปรวนไม่แน่นอนสร้างความสับสนและความไร้เสถียรภาพในที่ทำงาน
พฤติกรรมไม่แน่นอนของหัวหน้างานสามารถสร้างบรรยากาศที่ทำให้พนักงานรู้สึกไม่มั่นคงและไม่แน่ใจในการทำงาน การที่หัวหน้างานมีอารมณ์แปรปรวนและไม่สามารถคาดเดาได้ว่าวันนี้จะได้รับการสนับสนุนหรือถูกบั่นทอน ทำให้พนักงานต้องอยู่ในภาวะความเครียดและความวิตกกังวลตลอดเวลา พนักงานอาจรู้สึกว่าตนเองต้องเดินอยู่บนเส้นด้าย และไม่มั่นใจว่าจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่หรือไม่
การที่หัวหน้างานมีพฤติกรรมแบบนี้ยังส่งผลให้การสื่อสารในทีมเป็นไปอย่างยากลำบาก พนักงานไม่สามารถเปิดใจหรือแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ เพราะเกรงว่าจะถูกตำหนิหรือวิจารณ์อย่างไม่เป็นธรรม นอกจากนี้ยังส่งผลให้การวางแผนและการดำเนินงานประจำวันของทีมไม่แน่นอน เพราะพนักงานไม่สามารถคาดเดาหรือวางแผนได้ว่าจะต้องเผชิญกับปัญหาใดในวันถัดไป
พฤติกรรมไม่แน่นอนของหัวหน้างานยังส่งผลต่อความสัมพันธ์ในทีมอีกด้วย พนักงานอาจเริ่มรู้สึกว่าไม่สามารถไว้วางใจหรือพึ่งพิงหัวหน้างานได้ ซึ่งนำไปสู่การลดลงของความสามัคคีและความเชื่อมั่นในทีม นอกจากนี้ยังส่งผลให้การทำงานเป็นทีมเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะพนักงานไม่มีความมั่นใจในทิศทางหรือการตัดสินใจของหัวหน้างาน
การเผชิญหน้ากับหัวหน้างานที่มีพฤติกรรมไม่แน่นอนอาจทำให้พนักงานต้องการหางานใหม่ หรือพิจารณาออกจากองค์กร เพราะความเครียดและความกดดันที่ต้องเผชิญในที่ทำงานเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทนได้ในระยะยาว การสูญเสียพนักงานที่มีความสามารถย่อมส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพและความสำเร็จขององค์กรในที่สุด
5. ใช้อำนาจในทางที่ผิด
การใช้อำนาจในทางที่ผิดสะท้อนไปถึงการบริหารที่ไม่โปร่งใสและขาดความเป็นธรรม หัวหน้าที่เรียกร้องการเชื่อฟังโดยไม่มีข้อโต้แย้งจะสร้างความหวาดกลัวในที่ทำงาน พนักงานจะรู้สึกว่าตนเองถูกกดขี่ ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นหรือมีส่วนร่วมในการตัดสินใจได้ การข่มขู่พนักงานและคาดหวังให้งานสำเร็จโดยไม่มีคำถามเป็นการจำกัดโอกาสในการนำนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์เข้ามาใช้ในกระบวนการทำงาน
เมื่อพนักงานรู้สึกว่าความคิดของตนเองไม่ถูกยอมรับหรือมีความเสี่ยงที่จะถูกตำหนิ การทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพย่อมลดลง การใช้แนวคิดใหม่ๆ ในการแก้ปัญหาหรือปรับปรุงงานก็จะถูกมองข้าม ซึ่งส่งผลให้การพัฒนาขององค์กรชะลอตัว นอกจากนี้ พฤติกรรมการใช้อำนาจในทางที่ผิดยังส่งผลให้บรรยากาศในที่ทำงานเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความกังวล พนักงานอาจรู้สึกไม่ปลอดภัยและไม่มั่นคงในการทำงาน ส่งผลให้การทำงานเป็นทีมและความสามัคคีระหว่างพนักงานลดลง
การใช้พฤติกรรมแบบนี้ในระยะยาวอาจทำให้พนักงานที่มีความสามารถตัดสินใจลาออกจากองค์กร นอกจากจะส่งผลเสียต่อการดำเนินงานแล้ว ยังเป็นการสูญเสียทรัพยากรที่มีค่าและส่งผลกระทบต่อความสำเร็จในอนาคตขององค์กรอีกด้วย
ใส่ความเห็น