ในโลกที่เต็มไปด้วยแรงกดดันจากการทำงานและความสำเร็จ “การทำงานหนักด้วยความขยันขันแข็ง” มักถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ผู้บริหารอยากเห็นในพนักงานทุกคน แต่การทำงานหนักเกินไป ได้เปลี่ยนไปสู่สิ่งที่เรียกว่า “Toxic Productivity” หรือ “ผลิตภาพเป็นพิษ” ซึ่งเป็นการหมกมุ่นกับการทำงานหนักเกินไป จนละเลยสุขภาพกาย สุขภาพจิต ความสัมพันธ์ และคุณภาพชีวิตของตนเอง เรากำลังเป็นแบบนี้อยู่หรือไม่ คือรู้สึกว่า ต้องทำงานหนัก มิฉะนั้นเราจะรู้สึกผิด และรู้สึกว่าตนเองไม่มีประสิทธิภาพในการทำงานมากพอ
Toxic Productivity คืออะไร?
Toxic Productivity คือการยึดติดกับการต้องทำงานให้ได้มากที่สุดตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการทำงานล่วงเวลา การตอบอีเมลตอนกลางคืน หรือแม้กระทั่งการละเลยการพักผ่อนเพราะรู้สึกผิดถ้าไม่ได้ทำลงมือทำอะไร ความคิดนี้มักเกิดจากความเชื่อที่ปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กว่า “ความสำเร็จมาจากการทำงานหนัก” และการพักผ่อนคือความขี้เกียจ
ตัวอย่างชัดเจนของ Toxic Productivity คือการที่คนยกย่องพนักงานที่อยู่ทำงานดึก แต่ไม่สนับสนุนคนที่หยุดพักหรือใช้เวลาว่างในการดูแลตัวเอง
ผลกระทบของ Toxic Productivity
1. ความเหนื่อยล้าทางจิตใจและร่างกาย การทำงานหนักโดยไม่พักทำให้เกิดความเครียดและอาการหมดไฟ (Burnout) ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว
2. ความสัมพันธ์ที่ลดลง การโฟกัสที่งานอย่างเดียวทำให้เวลาในการใช้ชีวิตกับครอบครัวและเพื่อนฝูงลดลง ส่งผลต่อความสัมพันธ์ที่ห่างเหิน
3. ประสิทธิภาพที่ลดลง แม้ว่าคุณจะทำงานหลายชั่วโมง แต่ข้อมูลจากการศึกษาพบว่า คนที่ทำงานต่อเนื่องยาว ๆ โดยไม่หยุดพักเลย มีประสิทธิภาพต่ำลงถึง 20%
4. ความไม่สมดุลในชีวิต ผู้ที่ยึดติดกับ Toxic Productivity มักละเลยการดูแลตัวเอง เช่น การออกกำลังกาย การพักผ่อน หรือแม้กระทั่งการทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
สาเหตุที่ทำให้เกิด Toxic Productivity
1. วัฒนธรรมการทำงานที่ยกย่องความเหน็ดเหนื่อย หลายองค์กรยกย่องพนักงานที่ทำงานล่วงเวลา และมองว่าการพักผ่อนคือความล้มเหลว
2. โซเชียลมีเดีย การเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับความสำเร็จของคนอื่นบนโซเชียลมีเดียทำให้เรารู้สึกว่า “ต้องทำงานหนักกว่า”
3. ความกลัวและความไม่มั่นคง ในช่วงโรคระบาด หรือช่วงเศรษฐกิจย่ำแย่ หลายคนใช้การทำงานหนักเป็นที่พึ่งเพื่อควบคุมชีวิตในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน เพื่อให้ชีวิตของตนเองอยู่รอดได้ในสถานการณ์แย่ ๆ
4. เทคโนโลยีที่ทำให้เราต่อเนื่องกับงานตลอดเวลา การมีโทรศัพท์มือถือ อีเมล และการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ทำให้เราถูกคาดหวังว่าต้องพร้อมทำงานเสมอ
วิธีแก้ไข Toxic Productivity ในชีวิตประจำวัน
1. ตั้งขอบเขตการทำงาน
– หยุดตอบอีเมลหรือทำงานนอกเวลาทำการ
– สร้างเวลาพักผ่อนที่ชัดเจน เช่น “หลัง 6 โมงเย็นจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับงาน”
2. เรียนรู้ที่จะพูดว่า “ไม่”
การยอมรับทุกงานไม่ได้แปลว่าคุณมีคุณค่า คุณควรเลือกทำงานที่สำคัญและให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
3. จัดการประชุมให้มีประสิทธิภาพ
– ลดจำนวนประชุมที่ไม่จำเป็น
– ตั้งกฎในการประชุม เช่น ให้ประชุมใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที
4. ใช้เวลาในวันหยุดอย่างเต็มที่
– ลาพักร้อนและใช้วันหยุดโดยไม่รู้สึกผิด
– ทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น การออกกำลังกายหรือเดินทาง
5. สร้างสมดุลระหว่างงานและชีวิต
– แบ่งเวลาให้กับครอบครัว เพื่อน และงานอดิเรก
– ฝึกฝนการทำสมาธิหรือการอยู่กับปัจจุบันเพื่อเพิ่มความสุขในชีวิตประจำวัน
Toxic Productivity ไม่เพียงแต่ทำร้ายสุขภาพจิตและร่างกายของเรา แต่ยังทำให้เราสูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิต เช่น ความสัมพันธ์และความสุข หากเราเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงด้วยการตั้งขอบเขต หยุดพักผ่อนอย่างเต็มที่ และไม่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวของเราก็จะมีความสมดุลมากขึ้น
การทำงานหนักไม่ใช่ปัญหา แต่การทำงานจนละเลยสุขภาพและความสุขของตัวเองคือสิ่งที่ต้องปรับปรุง “พักผ่อน” ไม่ใช่ความขี้เกียจ แต่คือการเติมพลังเพื่อให้เราก้าวไปข้างหน้าอย่างมีคุณภาพ 🌟
ใส่ความเห็น