ในทุกองค์กรที่มุ่งมั่นสู่ความสำเร็จ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำและพนักงานถือเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนทุกกระบวนการ ความสัมพันธ์ดังกล่าวไม่ได้สร้างขึ้นจากคำสั่งเพียงอย่างเดียว หากแต่เกิดจากความเข้าใจ การสนับสนุน และที่สำคัญคือการแสดง “ความขอบคุณ” ซึ่งเป็นสิ่งเล็กน้อยแต่ทรงพลังในการหล่อเลี้ยงจิตใจพนักงาน การแสดงความขอบคุณที่เหมาะสมสามารถเพิ่มพูนกำลังใจ พัฒนาความสัมพันธ์ และสร้างความสามัคคีในทีมได้อย่างมหัศจรรย์
ความสำคัญของการแสดงความขอบคุณในที่ทำงาน
แม้ว่าการแสดงความขอบคุณจะมีความสำคัญต่อการสร้างทีมแกร่ง แต่เหตุผลที่ผู้บริหารไม่ค่อยพูดคำขอบคุณพนักงานอาจมีหลายประการ หนึ่งในนั้นคือการที่ผู้บริหารบางคนอาจรู้สึกว่าการแสดงความขอบคุณเป็นการแสดงความอ่อนแอหรืออาจทำให้สูญเสียอำนาจในการควบคุม พวกเขาอาจเกรงว่าการแสดงความขอบคุณมากเกินไปจะทำให้พนักงานมองว่าตนเองสามารถผ่อนคลายการทำงานได้
นอกจากนี้ ในบางองค์กร ผู้บริหารอาจมีภาระงานที่มากจนไม่มีเวลาหรือพลังงานเพียงพอในการสื่อสารความขอบคุณ มีการคาดหวังว่า “ผลลัพธ์” จะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและการแสดงความขอบคุณอาจถูกมองว่าไม่จำเป็น นอกจากนั้น การขาดวัฒนธรรมที่สนับสนุนการแสดงความขอบคุณในองค์กรอาจทำให้ผู้บริหารมองข้ามหรือไม่เห็นความสำคัญของการขอบคุณพนักงาน
ในโลกของการทำงานที่เต็มไปด้วยความท้าทาย พนักงานต่างเผชิญกับแรงกดดันในการส่งมอบผลงานตามเป้าหมาย การแสดงความขอบคุณในลักษณะที่จริงใจและเหมาะสมเป็นเสมือนพลังใจที่ช่วยให้พนักงานรู้สึกถึงคุณค่าในสิ่งที่ตนทำ งานวิจัยจาก Harvard Business Review โดย Hooria Jazaieri และ Olivia O’Neill พบว่าพนักงานถึง 70% ระบุว่าหากพวกเขาได้รับคำขอบคุณจากหัวหน้า จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในตนเอง และ 81% เชื่อว่าความขอบคุณจะทำให้พวกเขาทำงานได้ดีขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น การแสดงความขอบคุณที่เหมาะสมสามารถสร้าง “คุณค่าทางสังคม” (Social Worth) ซึ่งช่วยให้พนักงานมองเห็นความสำคัญของบทบาทของตนในทีม ช่วยเพิ่มพลังใจแม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
ความสำคัญของ “ช่วงเวลา” ในการแสดงความขอบคุณ
แม้การแสองการขอบคุณจะเป็นสิ่งที่ควรได้รับการถ่ายทอดเสมอ แต่ “ช่วงเวลา” ของการแสดงความขอบคุณนั้นมีบทบาทสำคัญต่อประสิทธิผลของมันอย่างยิ่ง
ขอบคุณ “ก่อน” การทำงานสำคัญ
งานวิจัยจากทีมผู้เขียน Hooria Jazaieri และ Olivia O’Neill ชี้ให้เห็นว่า การกล่าวคำขอบคุณล่วงหน้า ก่อนที่พนักงานจะเริ่มทำงานที่ท้าทาย จะช่วยลดอารมณ์เชิงลบและสร้างความพากเพียรในตัวพนักงานได้มากกว่าการกล่าวขอบคุณหลังเสร็จสิ้นงาน การขอบคุณล่วงหน้านี้เสมือนเป็นการยอมรับถึงความยากลำบากของงานที่กำลังจะเกิดขึ้น ทำให้พนักงานรู้สึกถึงการสนับสนุนจากหัวหน้าอย่างแท้จริง
ตัวอย่างเชิงปฏิบัติ เช่น “ผมต้องขอบคุณพวกเรามาก ๆ เลย สำหรับการช่วยรับมือกับภารกิจนี้ ซึ่งเป็นงานที่ไม่ง่าย และต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ ผมรู้สึกซาบซึ้งใจในความตั้งใจของพวกเรา เราจะทำงานนี้ให้สำเร็จไปด้วยกัน” คำพูดง่ายๆ แต่แฝงด้วยความจริงใจนี้มีอิทธิพลต่อความรู้สึกและความมุ่งมั่นของพนักงานอย่างมหาศาล
การติดตามผลและแสดงความขอบคุณภายหลัง
แม้การแสดงความขอบคุณล่วงหน้าจะเป็นหัวใจสำคัญ แต่การติดตามผลภายหลังก็ไม่ควรถูกละเลย การพูดคุยเปิดใจกับพนักงานหลังงานสำเร็จ เช่น การถามว่า “งานเป็นอย่างไรบ้าง?” หรือ “มีอะไรที่ผมสามารถช่วยคุณได้ในอนาคต?” เป็นวิธีที่แสดงถึงความใส่ใจ และช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงลึกระหว่างผู้นำกับพนักงาน
วิธีการสร้างวัฒนธรรมแห่งความขอบคุณในองค์กร
1. การคาดการณ์และการวางแผน ผู้นำควรเข้าใจถึงความท้าทายที่พนักงานกำลังเผชิญหน้าและคาดการณ์ผลกระทบทางอารมณ์เพื่อวางแผนการสนับสนุนอย่างเหมาะสม
2. การแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ การขอบคุณควรมีความเฉพาะเจาะจง เช่น ระบุถึงการเสียสละหรือความพยายามของพนักงานในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพื่อให้พนักงานเห็นว่าคำขอบคุณนั้นมีความหมายและจริงใจ
3. สร้างพื้นที่สำหรับการขอบคุณในองค์กร เช่น การตั้งช่องทางในแอปพลิเคชันสื่อสารขององค์กรเพื่อให้เพื่อนร่วมงานสามารถขอบคุณกันเองในเชิงสร้างสรรค์
4. สร้างตัวอย่างความขอบคุณที่ดี ผู้นำควรแสดงความขอบคุณอย่างสม่ำเสมอ และส่งเสริมให้พนักงานทำเช่นเดียวกัน
การแสดงความขอบคุณในองค์กรไม่ใช่เพียงการแสดงความสุภาพ แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสร้างกำลังใจและความพยายามให้กับพนักงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแสดงความขอบคุณล่วงหน้าก่อนงานที่ท้าทาย ช่วยลดความวิตกกังวลและเพิ่มพลังใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อผู้นำสามารถสร้างวัฒนธรรมความขอบคุณที่เข้มแข็งในองค์กร จะส่งผลให้ทีมมีความสามัคคีและพร้อมเผชิญกับทุกความท้าทายได้อย่างมั่นคง
ใส่ความเห็น