Coaching กลายเป็นคำที่ได้รับการพูดถึงมากในแวดวงการบริหารและการจัดการ โดยได้รับการยกย่องว่าเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการพัฒนาศักยภาพของพนักงานและเพิ่มการมีส่วนร่วม อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการโค้ชจะเป็นที่ยอมรับในความสำคัญ แต่กลับพบว่าการใช้ประโยชน์จากมันในองค์กรยังไม่แพร่หลาย และมักไม่ค่อยได้ผล มันเกิดจากอะไรบ้าง
1. ปัญหาของการฝึกอบรม Coaching แบบดั้งเดิม
อุปสรรคหลักที่หนึ่งคือวิธีการสอนการโค้ชที่ไม่เหมาะสม ผู้นำหลายคนได้รับการฝึกอบรมการโค้ชที่มักจะเต็มไปด้วยทฤษฎี ซับซ้อน และไม่เชื่อมโยงกับความท้าทายที่พวกเขาต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน การฝึกอบรมประเภทนี้มักเน้นกรอบทฤษฎีและรูปแบบเชิงวิชาการมากกว่าการนำไปใช้จริง ส่งผลให้ผู้นำออกจากการฝึกอบรมพร้อมความรู้ใหม่ แต่ไม่มีเครื่องมือที่จะปรับใช้สิ่งที่เรียนรู้ในการทำงานจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. นิสัยชอบแก้ปัญหาเอง
ผู้นำมักได้รับการยกย่องเพราะความเชี่ยวชาญและความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว สิ่งนี้ทำให้เกิดนิสัยของการแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง ก็เลยไม่อยากสอน เพราะแก้ไขเองไวกว่า แต่การเป็นโค้ชที่มีประสิทธิภาพ ต้องการให้ผู้นำเปลี่ยนจากการให้คำตอบไปสู่การตั้งคำถามมากกว่า ซึ่งอาจทำให้รู้สึกไม่สบายใจ เนื่องจากอาจมองว่าตนเองไม่เป็นประโยชน์ เวลาลูกน้องมาถามอะไร นายก็ถามกลับทุกที
แม้ว่าการถามคำถามและเปิดโอกาสให้ผู้อื่นมีเวลาในการคิดหาคำตอบเองอาจรู้สึกว่าช้ากว่า ไม่มั่นคง และไม่มีความแน่นอน อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้คือหัวใจของการโค้ชที่ดี เพราะมันช่วยส่งเสริมให้ทีมได้พัฒนาตนเอง และสร้างความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเอง
3. สภาพแวดล้อมที่กดดัน
อุปสรรคสำคัญอีกข้อหนึ่งคือธรรมชาติที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบของการทำงานในปัจจุบัน ผู้นำมักรู้สึกว่าตนเองต้องแบกรับภาระหนัก จนต้องมุ่งหาทางแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วแทนที่จะลงทุนเวลาในกระบวนการโค้ช ความเร่งด่วนของงานในแต่ละวันและแรงกดดันจากเส้นตาย ทำให้ผู้นำมักเลือกวิธีที่ใช้เวลาน้อยที่สุดในการจัดการปัญหา แม้ว่าวิธีนี้จะดูมีประสิทธิภาพในระยะสั้น แต่มันทำให้พนักงานไม่ได้รับการพัฒนาทักษะต่าง ๆ สุดท้ายก็เกิดช่องว่างของตำแหน่งขึ้นอย่างที่หลายองค์กรเป็น คือ พอผู้นำเกษียณ ก็ไม่มีพนักงานคนไหนที่สามารถรับผิดชอบงานต่อได้เลย ไม่มีใครเป็น Successor ได้
4. การต่อต้านการเปลี่ยนแปลง
แม้ผู้นำจะเห็นประโยชน์ของการโค้ช แต่ก็ยังมีความรู้สึกต่อต้านเมื่อต้องนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน การต่อต้านนี้มาจากความเคยชินกับสิ่งที่คุ้นเคยและความยากลำบากในการเปลี่ยนแปลงนิสัยใหม่ แม้ว่าผู้นำจะเริ่มใช้เทคนิคการโค้ชแล้ว แต่ก็ง่ายที่จะกลับไปใช้นิสัยเดิมเมื่อเผชิญกับความเครียดหรือแรงกดดัน
นอกจากนี้ ยังขาดระบบสนับสนุนที่จำเป็นเพื่อรักษาการเปลี่ยนแปลงนี้ไว้ เช่น ไม่มีการเชื่อมโยงกับระบบบริหารผลงาน และรางวัลผลงานในกรณีที่ใครสามารถโค้ชลูกน้องได้ดี สุดท้าย ก็เหมือนแฟชั่น เฮมาแป๊ปเดียว แล้วก็หายไป
5. ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการโค้ช
การโค้ชมักถูกมองว่าเป็นกระบวนการที่ใช้เวลามาก ต้องมีการประชุมยาวๆ และมีโครงสร้างที่ชัดเจน ซึ่งเป็นการรับรู้ที่ไม่ถูกต้องและลดความน่าสนใจในการใช้การโค้ชในการสนทนาประจำวัน อย่างไรก็ตาม การโค้ชที่มีประสิทธิภาพสามารถผสมผสานเข้ากับการสนทนาในชีวิตประจำวันได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานาน อาจใช้คำถามเพียงไม่กี่คำถามในช่วงเวลาไม่กี่นาทีก็สามารถสร้างการพัฒนาได้แล้ว
การโค้ชที่ไม่ได้รับการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ไม่ใช่เพราะมันไม่มีค่า แต่เป็นเพราะผู้นำต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายในการนำมาใช้ ด้วยการปรับปรุงการฝึกอบรม การพัฒนาระบบสนับสนุน และการเริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ผู้นำสามารถผสานการโค้ชเข้าเป็นนิสัยและสร้างทีมที่มีอิสระ มุ่งมั่น และมีความสามารถในการทำงานที่ท้าทายได้
ใส่ความเห็น