10 รูปแบบความคิดที่บั่นทอนประสิทธิภาพการทำงานของเราเอง

ในฐานะที่ปรึกษาด้านการพัฒนาองค์กรและการบริหารทรัพยากรบุคคลมาหลายสิบปี ผมพบว่าปัญหาหนึ่งที่มักพบในองค์กรคือ “รูปแบบความคิดที่บิดเบือน” (Cognitive Distortions) ของพนักงาน ผู้จัดการ และผู้บริหาร ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงานและการพัฒนาตนเองของพนักงาน และขององค์กร

เราลองมาดูรูปแบบความคิดที่บิดเบือน 10 ประการกันว่า มีอะไรบ้าง

1. การคิดแบบขาวดำ (All-or-Nothing Thinking)

ผมเคยพบพนักงานหลายคนที่มีแนวคิดว่า “ถ้าไม่ได้ 100% ก็เท่ากับล้มเหลว” ซึ่งเป็นความคิดที่อันตรายอย่างยิ่งในโลกธุรกิจปัจจุบัน เพราะความสมบูรณ์แบบอาจไม่คุ้มค่ากับเวลาและทรัพยากรที่เสียไป

2. การเหมารวมจากประสบการณ์เดียว (Overgeneralization)

เคยได้ยินประโยคแบบนี้ไหมครับ “นำเสนองานพลาดครั้งเดียว แสดงว่าผมไม่เหมาะกับงานนี้” นี่คือตัวอย่างของการเหมารวมที่ทำลายโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนา

3. การกรองแต่ด้านลบ (Mental Filter)

ผู้จัดการหลายคนติดกับดักนี้ โดยมองเห็นแต่ข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ แต่มองข้ามความสำเร็จใหญ่ๆ ที่ทีมทำได้ ซึ่งส่งผลเสียต่อขวัญกำลังใจของทีมงาน ผิดแค่ครั้งเดียว กลายเป็นเรื่องใหญ่ต่อผลงานพนักงานไปเลย จนลืมสิ่งที่พนักงานทำได้ดีมากว่าร้อยครั้ง

4. การลดคุณค่าด้านบวก (Discounting the Positives)

“แค่โชคดี” “ใครๆ ก็ทำได้” เป็นประโยคที่สะท้อนการลดคุณค่าความสำเร็จของตนเอง ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตในสายอาชีพ

5. การด่วนสรุปโดยขาดข้อมูล (Jumping to Conclusions)

ในยุค Hybrid Working การด่วนสรุปว่าเพื่อนร่วมงานที่ไม่ตอบ Line ทันทีคือการไม่ให้ความสำคัญกับงาน เป็นตัวอย่างของความคิดที่สร้างความขัดแย้งโดยไม่จำเป็น

6. การขยายปัญหาเกินจริง (Magnification)

การมองว่า “Feedback เชิงลบหนึ่งข้อจากลูกค้า = โครงการล้มเหลว” เป็นการขยายปัญหาที่ทำให้ทีมเสียโฟกัสและพลังงานไปกับการกังวลเกินเหตุ

7. การใช้อารมณ์นำเหตุผล (Emotional Reasoning)

“รู้สึกว่าเพื่อนร่วมงานไม่ชอบเรา = ต้องเป็นความจริง” เป็นการตัดสินใจโดยใช้อารมณ์ที่อาจนำไปสู่การตัดสินใจผิดพลาดในการทำงาน

8. การยึดติดกับคำว่า “ควร” (Should Statements)

“ผู้จัดการควรต้องรู้ทุกเรื่อง” “พนักงานควรต้องทำงานล่วงเวลาเสมอ” เป็นความคิดที่สร้างความกดดันเกินจำเป็นให้กับตนเองและผู้อื่น

9. การติดป้ายตนเอง (Labeling)

การด่วนสรุปว่าตัวเองเป็น “พนักงานแย่” หลังจากทำผิดพลาดเพียงครั้งเดียว เป็นการทำร้ายตัวเองที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานในระยะยาว

10. การโทษตนเองหรือผู้อื่น (Blame)

การโทษแต่สภาพเศรษฐกิจที่ทำให้ยอดขายตก โดยไม่วิเคราะห์ปัจจัยอื่นๆ เป็นการปิดกั้นโอกาสในการแก้ไขปัญหาที่แท้จริง

การรู้เท่าทันรูปแบบความคิดที่บิดเบือนเหล่านี้ จะช่วยให้เราพัฒนาศักยภาพในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผมขอแนะนำให้ลองสำรวจตัวเองว่ามีความคิดแบบไหนบ้าง และพยายามปรับเปลี่ยนมุมมองให้สมดุลมากขึ้น

จำไว้ว่า ความสำเร็จในการทำงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับวิธีคิดและการจัดการกับความคิดของเราด้วย

ใส่ความเห็น

บลอกที่ WordPress.com .

ขึ้น ↑