การบริหารความยืดหยุ่นของเวลาทำงาน ความลับสู่ความสุขในการทำงานยุคใหม่

ในโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว การทำงานก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะหลังจากที่เราได้เผชิญกับการระบาดใหญ่ของโควิด-19 คำถามที่หลายคนสงสัยคือ อะไรคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้พนักงานมีความสุขและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ? คำตอบอาจไม่ใช่แค่เรื่องเงินเดือนหรือสวัสดิการ แต่เป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่านั้น นั่นคือ “เวลา” และ “อำนาจในการควบคุมเวลา” ของตัวเอง

ในช่วงปี 2020-2021 เมื่อหลายคนต้องทำงานจากบ้าน พนักงานออฟฟิศจำนวนมากได้พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะไม่ได้นั่งอยู่ในออฟฟิศ สิ่งนี้จุดประกายให้เกิดการเรียกร้องความยืดหยุ่นในการทำงานมากขึ้น แต่ในทางกลับกัน หลายบริษัทกลับพยายามดึงพนักงานกลับเข้าออฟฟิศ ด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานา

ที่น่าสนใจคือ แนวโน้มการลาออกจากงานไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงโควิด แต่มันเกิดขึ้นมานานกว่าทศวรรษแล้ว นี่อาจเป็นสัญญาณว่า คนรุ่นใหม่กำลังมองหาอะไรบางอย่างในชีวิตการทำงานที่มากกว่าแค่เงินเดือน

ผลการวิจัยล่าสุดจากการศึกษาของ National Study of the Changing Workforce ซึ่งเป็นการสำรวจตัวอย่างที่เป็นตัวแทนของคนทำงานในสหรัฐอเมริกาจำนวน 1,516 คน ได้เผยให้เห็นข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้

1. พนักงานที่มีอำนาจควบคุมตารางเวลาของตัวเองมากขึ้น มักจะมีความพึงพอใจในงานและชีวิตสูงกว่า

2. ความรู้สึกว่าไม่มีเวลาเพียงพอ ส่งผลเสียต่อความพึงพอใจในงานและชีวิต

3. จำนวนชั่วโมงที่ทำงานไม่ได้ส่งผลต่อความพึงพอใจในงานเท่าไหร่นัก

4. สำหรับคนที่มีอำนาจควบคุมเวลามากขึ้น แม้จะรู้สึกว่าเวลาไม่พอ ก็ยังมีความพึงพอใจในงานมากกว่าคนที่ไม่มีอำนาจควบคุมเวลา

สิ่งที่น่าสนใจคือ พนักงานไม่ได้ต้องการทำงานน้อยลง แต่พวกเขาต้องการควบคุมว่าจะทำงานเมื่อไหร่และที่ไหน พวกเขาอยากมีเวลาทำธุระส่วนตัวระหว่างการประชุมทางไกล หรือออกกำลังกายแทนที่จะเสียเวลาไปกับการเดินทางไปกลับออฟฟิศ

แล้วบริษัทควรทำอย่างไร?

  • ทดลองนโยบายการทำงานแบบยืดหยุ่นทางด้านเวลาในการทำงานเริ่มต้นด้วยการทดลองใช้นโยบายการทำงานแบบยืดหยุ่น เช่น การทำงานจากที่บ้าง 2-3 วันต่อสัปดาห์ หรือให้พนักงานเลือกเวลาเข้า-ออกงานได้ในช่วงเวลาที่กำหนด (Flexible hours)
  • วางระบบการสื่อสารที่ชัดเจน กำหนดเป้าหมายและความคาดหวังที่ชัดเจนสำหรับแต่ละตำแหน่งงาน จัดให้มีการประชุมทีมอย่างสม่ำเสมอเพื่อติดตามความคืบหน้าของงาน
  • การลงทุนในเทคโนโลยี จัดหาเครื่องมือและซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้พนักงานทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะอยู่คนละสถานที่
  • พัฒนาผู้จัดการให้เปิดใจในเรื่องนี้ จัดอบรมให้ผู้จัดการเรียนรู้วิธีการบริหารทีมแบบกระจายอำนาจและการวัดผลงานตามผลลัพธ์ มากกว่าที่จะนั่งนับเวลาเข้าออกงานของพนักงาน

แม้ว่าการศึกษานี้จะมีข้อจำกัดบางประการ เช่น อาจไม่สามารถนำไปใช้กับทุกอาชีพได้ แต่มันก็ให้ข้อมูลที่มีค่าแก่เรา ในยุคที่การแข่งขันเพื่อหาคนเก่งมาร่วมงานนั้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ การให้อำนาจพนักงานในการควบคุมเวลาของตัวเองอาจเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้บริษัทรักษาคนเก่งไว้ได้ และสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ทำให้ทุกคนมีความสุขและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในท้ายที่สุด เวลาอาจเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดที่เรามี การให้พนักงานมีอำนาจในการจัดการเวลาของตัวเองอาจเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับทั้งพนักงานและองค์กร

ใส่ความเห็น

บลอกที่ WordPress.com .

ขึ้น ↑