Non-Financial Reward รางวัลที่ไม่ควรมองข้าม ถ้าเราต้องการดึงดูด และเก็บรักษาคนเก่ง

ธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง ต่างต้องการทรัพยากรบุคคลที่เก่ง ๆ เข้ามาช่วยให้ธุรกิจก้าวหน้าต่อไปอย่างยั่งยืน นี่คือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในยุคนี้ความต้องการคนเก่งมีมากขึ้นเรื่อย ๆ บางธุรกิจที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ อยากเติบโตอย่างรวดเร็ว ก็อาศัยการซื้อตัวคนเก่งจากที่อื่น พอองค์กรที่รู้ว่า พนักงานของตนกำลังจะถูกซื้อตัว ก็พยายามที่จะให้ค่าตอบแทนที่สูงขึ้น เพื่อทำให้พนักงานไม่ไป โดยหารู้ไม่ว่า การที่เราทำแบบนี้ เรากำลังทำลายระบบบริหารทรัพยากรบุคคลขององค์กรเราเองในระยะยาว

จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ธุรกิจต่างแข่งขันกันเพื่อให้ได้คนเก่งโดยอาศัยค่าจ้างเงินเดือนแต่เพียงอย่างเดียว เพราะผู้บริหารเชื่อว่า นี่คือเครื่องมือสุดท้ายที่จะใช้ในการดึงดูด และเก็บรักษาพนักงานได้ ซึ่งการแข่งขันโดยใช้ค่าจ้างเงินเดือนอย่างเดียวนั้น มันเหมือนกับการแข่งขันกันลดราคาสินค้าของตนเองลงเพื่อให้ได้ลูกค้ามากขึ้น ซึ่งในที่สุดแล้วมันก็จะไปต่อไม่ได้อยู่ดี เพราะถึงจุดหนึ่ง องค์กรก็คงไม่สามารถแข่งขันกันจ่ายให้สูงไปกว่าจุดใดจุดหนึ่งได้อีกต่อไป

ถ้าเราพิจารณากันให้ดี เรื่องของค่าจ้างเงินเดือนนั้น ไม่ใช่เครื่องมือเดียวที่จะใช้ในการดึงดูด และเก็บรักษาพนักงานคนเก่ง ของเราไว้ อีกทั้งในหลายองค์กรมีการจ่ายค่าจ้างในอัตราที่สูงมาก แต่ก็ยังมีปัญหาในการดึงดูด และเก็บรักษาคนเก่ง ๆ ไว้อยู่ดี สาเหตุก็มาจากการที่เรามุ่งเน้นแต่เรื่องของการจ่ายค่าจ้างเงินเดือนมากจนเกินไป จนลืมเรื่องของรางวัลที่ไม่ใช่ตัวเงินกันไปหมด หรือที่เราเรียกกันว่า Intangible Rewards หรือ Non-Financial Rewards นั่นเอง

เรื่องของ Non-Financial Rewards เป็นสิ่งที่องค์กรในบ้านเรายังไม่ค่อยให้ความสำคัญในการนำมาใช้สำหรับการกำหนดนโยบายในการบริหารคนเก่งมากนัก โดยเฉพาะการดึงดูดและเก็บรักษาพนักงานเก่ง ๆ องค์กรในบ้านเราส่วนใหญ่มักจะใช้แต่รางวัลที่เป็นตัวเงิน ซึ่งหลายองค์กรก็ใช้มันมากจนเกินไป จนทำให้พนักงานมองว่า การจะทำอะไรใหม่ ๆ ก็ต้องได้เงิน การที่จะได้รับมอบหมายงานใหม่ ๆ ท้าทายมากขึ้น ก็ต้องเอาเงินมาแลก ฯลฯ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป บริษัทเองก็คงอยู่ไม่ได้ เพราะจะมอบหมายงานอะไรใหม่ให้พนักงานแต่ละคน ก็ต้องไปคำนวณเรื่องเงินค่าจ้างค่าตอบแทนกันตลอดเวลา

ในยุคที่การแข่งขันกันด้วยเงินเดือนค่าจ้างเริ่มมีข้อจำกัดมากขึ้น องค์กรใดที่เริ่มต้นนโยบายการให้รางวัลที่ไม่ใช่ตัวเงินก่อนคนอื่น ถือว่าได้เปรียบองค์กรอื่นในการบริหารคนอย่างมากทีเดียว องค์กรเหล่านี้ เขาเข้าใจในความเป็นมนุษย์ของพนักงานที่ทำงานว่า คนเราไม่ได้แค่เพียงต้องการเงินอย่างเดียว เรายังต้องการความรู้สึกภาคภูมิใจในการทำงานด้วย เราต้องการเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จขององค์กร มากกว่าที่จะได้แต่เงินเยอะ ๆ แต่ได้ทำงานที่ไม่มีความหมายอะไร และไม่ได้รับการยอมรับในฐานะที่เป็นพนักงานคนหนึ่งขององค์กร

และที่สำคัญ การให้รางวัลที่ไม่ใช่ตัวเงินนั้น บางเรื่องแทบจะไม่ต้องใช้งบประมาณขององค์กรเลย แต่กลับได้รับความรู้สึกที่ดีจากพนักงานอย่างล้นหลาม พนักงานรู้สึกมีความสุขในการทำงาน รู้สึกว่างานที่ตนกำลังทำอยู่นั้นเป็นงานที่มีความหมาย และยังทำให้พนักงานรู้สึกถึงความภาคภูมิใจที่ได้ทำงานนั้น ๆ อีกด้วย

แล้วรางวัลหรือผลตอบแทนที่ไม่ใช่ตัวเงินนั้นมีอะไรบ้างที่น่าสนใจในยุคนี้ มาดูกัน

  • การทำงานแบบยืดหยุ่น หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกกันว่า Flex time หรือในยุคนี้ ใช้คำว่า Hybrid Working จากผลการวิจัยของหลาย ๆ สถาบัน ต่างก็ยืนยันว่า ไม่ว่าจะเป็นคนใน Gen ไหน พอเข้าในยุคนี้ ต่างก็ให้ความสำคัญกับการทำงานแบบยืดหยุ่นมากขึ้นกว่าในอดีตมาก ยิ่งช่วงโควิดที่ได้ลองทำงานแบบยืดหยุ่นกันมาแล้ว ยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกว่า ฉันอยาทำงานกับองค์กรที่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ โดยเฉพาะกลุ่มคนเก่ง ๆ ในองค์กรมักจะถูกดึงดูดได้ด้วยโปรแกรมการทำงานแบบยืดหยุ่นของบริษัทต่าง ๆ ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะสร้างความสมดุลให้กับชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว ลักษณะการทำงานแบบยืดหยุ่นที่นิยมใช้กันมากก็คือ การทำงานแบบผสมผสานระหว่างทำงานจากที่บ้าน และเข้าออฟฟิศ การกำหนดเวลาเข้าออกจากงานแบบยืดหยุ่น และการกำหนดเวลาการทำงานรวมต่อสัปดาห์ โดยที่ในแต่ละวันให้พนักงานบริหารเวลาการทำงานกันเอง และการกำหนดจำนวนวันทำงานที่สามารถทำงานที่บ้านได้ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่ใช่รางวัลแบบตัวเงิน แต่เป็นรางวัลแบบไม่ใช่ตัวเงินที่ใช้ได้ผลมากในยุคนี้ จน HR ของหลายองค์กรต่างก็พูดเหมือนกันว่า ถ้าองค์กรเราไม่มีนโยบายการทำงานแบบยืดหยุ่น ก็จะทำให้ผู้สมัครตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะไม่มาทำงานกับเรา

ซึ่งในการออกแบบการทำงานแบบยืดหยุ่นนั้น เราสามารถทำได้ทั้งในเรื่องของ สถานที่ทำงานที่ยืดหยุ่น เวลาการทำงานที่ยืดหยุ่น และวิธีการทำงานที่ยืดหยุ่น ขึ้นอยู่กับลักษณะงานที่ทำอยู่ของแต่ละหน่วยงานว่าควรจะใช้ความยืดหยุ่นในลักษณะใด

มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ยืนยันว่า องค์กรที่มีนโยบายการทำงานแบบยืดหยุ่นมากกว่า จะมีโอกาสในการดึงดูด และเก็บรักษาคนเก่ง ๆ ได้มากกว่า พนักงานในยุคนี้หลายคนที่ได้ค่าจ้างเงินเดือนสูง ๆ ก็ตัดสินใจลาออกแค่เพียงเพราะว่า การทำงานขององค์กรไม่ยืดหยุ่น

ดังนั้น การออกแบบการทำงานแบบยืดหยุ่นจึงถึงเป็น Non-Financial Rewards อย่างหนึ่งที่องค์กรที่ต้องการดึงดูด และเก็บรักษาคนเก่ง ๆ จะต้องมีขึ้น เพราะมนุษย์เงินเดือนยุคใหม่ต้องการเรื่องความยืดหยุ่นในการทำงานอย่างมาก

  • การชื่นชมผลงาน และการทำให้พนักงานรู้สึกว่าเป็นคนสำคัญ ปัจจุบันรางวัลทางด้านตัวเงิน ทำให้พนักงานเกิดความคาดหวังแต่เรื่องของตัวเงิน ทุกคนมองแต่เงินว่าจะได้เท่าไหร่ จนไม่ค่อยรู้สึกถึงความเป็นมนุษย์กันมากนัก องค์กรเองก็เน้นแต่ให้รางวัลในรูปแบบที่เป็นตัวเงินอย่างเดียว โดยไม่สนใจความรู้สึกของพนักงานเลยก็มี มองพนักงานเป็นแค่เพียงเครื่องมือในการทำงานอย่างหนึ่งที่ถูกล่อเลี้ยงด้วยตัวเงินก็พอแล้ว ซึ่งถ้าใครเคยทำงานกับองค์กรที่โฟกัสแต่เรื่องเงินอย่างเดียว จะรู้สึกได้เลยว่า เป็นองค์กรที่ไม่น่าทำงานด้วยเลย เต็มไปด้วยความเครียด การทรยศหักหลัง ความสัมพันธ์แบบฉาบฉวย ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อการทำงานในระยะยาว

มนุษย์เราเป็นสัตว์สังคม ที่ต้องการได้รับการยอมรับจากกลุ่มเพื่อน และกลุ่มสังคมที่ตนอยู่ร่วมด้วย บางคนอาจจะเถียงว่า ให้เงินค่าตอบแทนมาก ๆ เขาก็น่าจะทนได้ ซึ่งถ้าจะทนได้ ก็เป็นแค่เพียงระยะสั้น ๆ เพราะการที่คนเราไม่ได้รับความรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม อีกทั้งยังไม่ได้รับการยอมรับจากกลุ่มว่าตนเองมีความสำคัญนั้น ถึงจุดหนึ่งคนคนนั้นก็จะประสบกับภาวะเครียด ซึมเศร้า ผลงานแย่ลง สุดท้ายก็ไม่สามารถทำงานสร้างผลงานที่ดีได้อีกต่อไป แม้ว่าจะได้เงินเดือนมากแค่ไหนก็ตาม

เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว การให้รางวัลที่ไม่ใช่ตัวเงิน โดยให้คำชม และการยอมรับความสำคัญของพนักงานว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จนั้น จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แม้แต่พนักงานที่บอกว่า ตนไม่ต้องการคำชม เมื่อได้รับคำชมที่จริงใจจากนาย หรือจากผู้นำ ทุกคนล้วนหน้าบาน เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจทั้งสิ้น ซึ่งความรู้สึกนี้เองที่จะส่งผลต่อพลังในการทำงานในแต่ละวัน ส่งผลต่อพลังในการฟันฝ่าอุปสรรคในการทำงาน อีกทั้งยังส่งผลทำให้พนักงานพยายามที่จะสร้างสรรค์ผลงานที่ดีขึ้นต่อไปอีก เพราะต้องการที่จะรักษาความรู้สึกภาคภูมิใจนี้ไว้ให้ได้นานที่สุด

ดังนั้นการที่มีผู้บริหาร ผุ้จัดการ และหัวหน้างาน ที่ให้การชื่นชมในผลงานของพนักงานอย่างจริงใจ ชื่นชมต่อหน้าเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ หรือแม้กระทั่งมีการเขียนโน้ตเพื่อชมพนักงานที่ทำผลงานได้ดีนั้น กลับกลายเป็นสิ่งที่ช่วยดึงดูดและรักษาคนเก่งได้ดีกว่าการใช้รางวัลแบบตัวเงิน เพราะได้ใจพนักงาน ได้ความรู้สึกที่ดี ได้ความรู้สึกภาคภูมิใจลึกๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็คือสิ่งที่คนเราทุกคนต้องการมากกว่าตัวเงินเพียงอย่างเดียว แต่อย่างไรก็ดี รางวัลที่เป็นตัวเงิน ก็ต้องได้รับการออกแบบอย่างเป็นธรรม และเหมาะสมด้วยเช่นกัน

  • สร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดี การที่คนเราทำงานกันอย่างเหน็ดเหนื่อยจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อนเลยนั้นจะยิ่งทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงไปเรื่อย ๆ และยิ่งไปกว่านั้นแรงจูงใจในการทำงานก็ยิ่งลดลงไปอีกเช่นกัน องค์กรที่ใช้พนักงานทำงานอย่างหนัก โดยจ่ายค่าจ้างสูงๆ นั้น ปัจจุบันก็เริ่มที่จะรักษาพนักงานไว้ไม่ค่อยได้อีกต่อไป เพราะพนักงานเองก็มองว่า เขาไม่ได้ต้องการแค่เงินเดือนสูง ๆ แต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องการความสมดุลในการใช้ชีวิตด้วยเช่นกัน

ดังนั้นองค์กรที่มีการสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการพักยืดหยุ่นระหว่างเวลาการทำงาน แบบว่าเหนื่อยนักก็ไปพักบ้าง มีห้องให้นั่งฟังเพลงสบาย ๆ บางแห่งจัดให้มีที่นอนด้วยด้วยซ้ำไป ให้พนักงานได้หลับสักงีบ เพื่อที่จะได้ตื่นมาสดใส และสามารถทำงานต่อได้

หรือบางแห่ง ช่วงบ่าย ๆ  หัวหน้าก็อาจจะมีการชวนลูกน้องไปออกกำลังกาย หรือนั่งทานอาหารว่างกันบ้าง ก็เป็นสิ่งที่ช่วยทำให้บรรยากาศในการทำงานไม่เครียด ทำให้พนักงานรู้สึกสบายๆ สิ่งเหล่านี้งานวิจัยเขาพิสูจน์มาแล้วว่า นอกจากจะดึงดูดและรักษาคนเก่งได้แล้ว ยังทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานสูงกว่าการที่ทุ่มเททำงานอย่างหนักโดยไม่มีเวลาพัก เรื่องของบรรยากาศในการทำงานที่ดีนั้น ลองไปหาข้อมูลดูได้จากบริษัทที่ติด 1 ใน 10 ขององค์กรที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดที่นิตยสาร Fortune ได้จัดอันดับไว้ จะพบว่าองค์กรเหล่านี้เน้นไปที่การสร้างบรรยากาศในการทำงานจริง ๆ

  • โอกาสก้าวหน้าในการทำงาน หรือ Growth ในยุคนี้ เรื่องนี้ถือเป็นรางวัลการทำงานที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ซึ่งเป็นรางวัลที่ไม่ใช่ตัวเงินตรง ๆ คือองค์กรมีการทำ Career Path ที่ชัดเจน มีการเปิดโอกาสให้พนักงานเติบโตในองค์กรได้อย่างเต็มที่ตามความสามารถและศักยภาพของพนักงานแต่ละคน

เช่นส่งเสริมและสนับสนุนให้พนักงานมีโอกาสเรียนรู้ เพิ่มพูดทักษะ ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ มีระบบการพัฒนาพนักงานที่ชัดเจน และสอดคล้องกับเส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพ ถ้ามีสิ่งเหล่านี้ พนักงานจะเกิด work passion เพราะเขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นสามารถทำให้เขาก้าวหน้าไปถึงไหน และองค์กรมีการส่งเสริมให้เขามีความก้าวหน้าไปได้ ถ้าองค์กรใดพนักงานรู้ว่าทำงานแล้วมีความก้าวหน้าได้อย่างแน่นอน สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เขาจะมีความรักและความทุ่มเทให้กับการทำงานมากขึ้น ซึ่งนี่ก็เป็นรางวัลอีกอย่างหนึ่งที่ เงินเดือนและค่าจ้างไม่สามารถที่จะตอบโจทย์นี้ได้เลย

แม้ว่า เรื่องของเงินเดือนค่าจ้างจะเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และขาดไม่ได้ในการบริหารทรัพยากรบุคคล แต่การที่เรามัวแต่ใช้เงินเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการนั้น มันก็ทำให้พนักงานรู้สึกว่าเขาไม่ได้รับความสำคัญจากองค์กรเลย เขาต้องการความเข้าใจ การเห็นความสำคัญ ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ และที่สำคัญก็คือต้องการที่จะให้หัวหน้าของเขายอมรับเขาว่าเป็นพนักงานที่มีคุณค่าต่อหน่วยงาน และต่อองค์กรด้วย

ผมคิดว่าองค์กรของเราควรจะต้องเริ่มต้นคิด วางแผน และเตรียมการในเรื่องของระบบการให้รางวัลที่ไม่ใช่ตัวเงินบ้าง เพราะแนวโน้มองค์กรในระดับโลก และองค์กรใหญ่ๆ ในบ้านเราเอง ก็เริ่มที่จะหันมาใช้รางวัลที่ไม่ใช่ตัวเงินกันมากขึ้น

ในอนาคตเราอาจจะแข่งขันกันที่รางวัลที่ไม่ใช่ตัวเงิน โดยที่เงินเดือนเป็นเรื่องธรรมดาไปเลยก็เป็นได้นะครับ

ใส่ความเห็น

บลอกที่ WordPress.com .

ขึ้น ↑