วันนี้นำเอานิทานดีๆ มาให้อ่านกันอีกครั้งนะครับ จากที่เราได้เห็นเหตุการณ์รุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานี้ ทำให้เรารู้สึกว่า คนที่ดูดี มีตำแหน่งใหญ่โต ก็อาจจะไม่ใช่อย่างที่เห็น คนที่ดูแย่ ยากจน สกปรก ก็อาจจะไม่ใช่อย่างที่เราเห็นอีกเช่นกัน ลองอ่านนิทานวันนี้ดูนะครับ
มีนักวาดที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง ต้องการจะวาดภาพของพระและภาพของมาร แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่า ลักษณะของพระและมาร ควรจะเป็นอย่างไร และก็ไม่สามารถหาของจริงที่มาเป็นแบบอย่างได้ จึงยังลงมือวาดไม่ได้สักที
ครั้งหนึ่งขณะที่กำลังไหว้พระอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง บังเอิญเห็นภิกษุรูปหนึ่ง มีรูปหน้าและจริยาวัตรที่งดงามยิ่งนัก ลักษณะและท่าทางอย่างนั้นช่างดึงดูดใจนักวาดเช่นเขาเป็นอย่างยิ่ง เขาจึงไปหาพระรูปนั้น และจ้างให้มาเป็นแบบด้วยราคาที่สูงเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากเมื่อวาดภาพนั้นเสร็จ ภาพนั้นก็ได้กลายเป็นภาพที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว นักวาดนั้นกล่าวว่า “ตั้งแต่ที่ได้วาดภาพเป็นต้นมา ภาพนี้เป็นภาพที่ตนเองพอใจมากเป็นที่สุด เพราะใครๆที่มาเห็นภาพนี้ จะต้องนึกทันทีว่า นี่คือภาพพระพุทธที่แท้จริง รูปร่างหน้าตา และลักษณะที่เปี่ยมล้นด้วยความสงบและมีเมตตา ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นเกิดความพึงพอใจ และศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยม
และก็เป็นเพราะภาพภาพนี้ ผู้คนไม่ได้เรียกเขาว่านักวาดเหมือนเมื่อก่อน แต่ได้ฉายาใหม่ว่า “ปรมาจารย์แห่งนักวาด”
ผ่านไปอีกระยะหนึ่ง จึงคิดจะวาดรูปมารขึ้นมา แต่ก็เกิดปัญหาที่ว่าไม่รู้จะหาลักษณะที่เป็นมารมาเป็นแบบได้จากที่ไหน? เขาเดินไปหาอยู่หลายที่ เพื่อจะหาคนที่มีลักษณะดุร้ายโหดเหี้ยม แต่หาอย่างไรก็ไม่ถูกใจสักคน สุดท้ายก็ไปหาเจอในคุกแห่งหนึ่งนักวาดนั้นดีใจยิ่งนัก เพราะการจะไปหาคนๆหนึ่งที่หน้าเหมือนมารจริงๆนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย
เมื่อเขาเข้าไปเจรจากับนักโทษนั้น นักโทษนั้นร้องไห้คร่ำครวญออกมาว่า“ทำไมเมื่อตอนที่จะวาดรูปพระ คนที่ท่านหาก็คือข้า ตอนที่จะวาดภาพมารคนที่ท่านหาก็ยังคงเป็นข้า เป็นเพราะเจ้าที่ทำให้ข้าจากพระกลายเป็นมาร”
“เป็นไปได้อย่างไร? คนที่เป็นแบบให้ข้าวาดภาพพระ ลักษณะดีเลิศผิดผู้อื่น แต่เจ้าดูทีเดียวก็รู้แล้วว่า เหมือนลักษณะของมารอย่างแท้จริงแล้วจะเป็นคนๆเดียวกันได้อย่างไร?”
คนคนนั้นพูดอย่างปวดร้าวใจ “ตั้งแต่ได้เงินก้อนใหญ่จากเจ้า ได้แต่ไปหาความรื่นเริงบันเทิงใจทุกวัน ใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายจนเงินหมด แต่ความหลงอยู่ในความมัวเมาเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ย่อมจะหยุดลงได้ยาก ดังนั้นข้าจึงไปปล้นและฆ่าเจ้าทรัพย์ ขอเพียงให้ได้เงิน ไม่ว่าเรื่องที่ทำจะเลวร้ายอย่างไรข้าก็ทำ ที่สุดก็กลายมาเป็นสภาพอย่างที่ท่านเห็น”
นักวาดเมื่อได้ฟังจนจบ รู้สึกสังเวชใจยิ่งนัก รู้สึกพรั่นพรึงถึงจริตนิสัยของคนเรา ที่สามารถถูกกิเลสลากจูงไปได้อย่างรวดเร็ว สภาพจิตของคนช่างอ่อนแอ พลังดึงดูดของกิเลสก็ช่างแข็งแกร่ง
ความเปลี่ยนแปลงของคนๆนี้ทั้งหมด ก็เป็นเพราะตัวเองที่ทำให้เกิดขึ้น
จะเป็นพระ หรือเป็นมาร ใช่แค่เพียงรูปกายภายนอก มันอยู่ในจิตใจของคนๆ นั้นต่างหาก
ใส่ความเห็น