องค์กรต้องการคนเก่งเข้ามาทำงาน เป้าหมายของการสรรหาคัดเลือก ก็คือ หาคนเก่ง คนที่ดี และคนที่เหมาะสมเข้ามาทำงานกับบริษัทให้ได้ ช่วงที่บริษัทกำลังหาคนเก่งนั้น เราเองก็พยายามที่จะหาทุกวิถีทางที่จะได้คนเก่งๆ เข้ามาทำงานให้ได้ ไม่ว่า จะเป็นการพูดคุยโน้มน้าวถึงข้อดีของการทำงานที่นี่ ค่าจ้างเงินเดือนที่ให้สูงกว่าที่เก่าที่เคยทำงานอยู่ สวัสดิการที่ดีกว่า ฯลฯ ทุกอย่างที่คิดว่า น่าจะดึงดูดคนเก่งๆ ได้ล้วนเอามาเป็นเหตุผลเพื่อให้ผู้สมัครเก่งๆ ตัดสินใจที่จะทำงานกับบริษัทให้ได้
แต่พอเราได้คนเก่งเข้ามา หลายองค์กร ก็เริ่มที่จะปล่อยปละละเลยคนเหล่านี้ที่เราอุตสาห์หามาอย่างเหนื่อยยาก คนถึงวันหนึ่งคนเก่งกลุ่มนี้เดินเข้ามาและขอลาออก องค์กรก็ถึงจะหันมาให้ความสนใจอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเสนอสิ่งที่คนกลุ่มนี้ต้องการ ซึ่งอาจจะเป็นค่าจ้างเงินเดือน สวัสดิการ การเลื่อนตำแหน่ง หรือการเรียนรู้และพัฒนา ฯลฯ แต่พนักงานกลุ่มนี้ก็จะไม่สนใจแล้ว เพราะตอนอยู่ไม่เห็นจะสนใจอะไรเลย แต่พอบอกจะไป ถึงค่อยมาคิดว่าจะทำอย่างไร
องค์กรของท่านเคยประสบกับเหตุการณ์เหล่านี้บ้างหรือไม่ครับ
นอกจากระบบการสรรหาคัดเลือกที่ดีแล้ว องค์กรจะต้องมีระบบการเก็บรักษาพนักงานที่ดีด้วยเช่นกัน เพื่อไม่ให้พนักงานเก่งๆ คิดลาออกได้ง่ายๆ โดยปกติคนเก่งจะมีประเด็นอะไรบ้างที่ทำให้เขาตัดสินใจออกจากบริษัท
- ความไม่เป็นธรรมในเรื่องของค่าตอบแทน ในกรณีนี้ไม่ใช่จ่ายต่ำนะครับ บางแห่งจ่ายสูงมาก แต่พอเข้ามาทำงานสร้างผลงานแล้ว กลับไม่ได้ค่าตอบแทนที่เป็นธรรมตามผลงานที่ทำ เช่น บางบริษัทมีการกำหนด KPI อย่างชัดเจน พนักงานที่เก่งๆ ก็มักจะทำได้เกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ แต่กลับได้รับการขึ้นเงินเดือนตามผลงาน และโบนัสตามผลงานพอๆ กับพนักงานที่มีผลงานไม่ดี แบบนี้ ก็ไม่สามารถสร้างแรงจูงใจให้คนเก่งอยากอยู่ทำงานด้วยแล้วล่ะครับ
- ไม่ได้รับการพัฒนา พนักงานที่เก่งๆ นั้น ปกติแล้วจะเป็นคนที่ต้องการที่จะพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เวลาที่ได้ทำงานสักพัก ก็จะคิดว่า ตนเองจะต้องพัฒนาอะไรต่อเพื่อให้สามารถทำงานที่ยากขึ้นได้อีก แต่ถ้าองค์กรไม่สามารถตอบสนองในเรื่องของการพัฒนาพนักงานได้ ปล่อยให้พนักงานทำงานแบบเดิมๆ ไปเรื่อยๆ ปีแล้วปีเล่า คนเก่งก็จะเริ่มเบื่อ และจะเริ่มหาทางออกของตนเอง จากงานวิจัยของ Harvard Business School ในเรื่องของการทำงานของคนเก่งนั้น ผลออกมาก็คือ ระยะเวลา 4 ปีเป็นระยะเวลาที่พอแล้วสำหรับพนักงานที่ทำงานแบบเดิมๆ คนเก่งๆ จะเริ่มมองหาทางออก เริ่มมองหางานที่ท้าทายมากขึ้น เมื่อทำงานแบบเดิมๆ มาแล้วอย่างน้อยๆ 4 ปี และถ้าองค์กรยังคงให้ทำงานแบบเดิมต่อไปอีกเรื่อยๆ โดยไม่มีการพัฒนา หรือมอบหมายงานใหม่ที่ท้าทายกว่าเดิม คนเก่งคนนั้นก็จะออกไปจากองค์กร
- ไม่มีความก้าวหน้า ข้อนี้ต่อเนื่องมาจากข้อที่แล้ว ก็คือ ทำงานในตำแหน่งเดิมไปเรื่อยๆ โดยไม่มีความก้าวหน้าอะไรให้เห็นเลย ก็จะทำให้คนเก่งไม่อยากอยู่ทำงาน ก็เลยทำให้หลายองค์กรพยายามสร้าง Career Path ที่มีความชัดเจน โดยทำให้พนักงานเติบโตขึ้นไปได้ ตามสายอาชีพของตนเอง สร้างความท้าทายในการทำงาน สร้างโอกาสในการทำงานใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นกับองค์กร ซึ่งก็จะทำให้คนเก่งๆ ต้องการที่จะอยู่ทำงานต่อไป เพราะเขาเห็นโอกาส และเห็นการเติบโตในองค์กรนั่นเอง
- ไม่ได้รับการสนับสนุนจากนาย อีกเรื่องที่มักจะเป็นปัญหาของการเก็บรักษาคนเก่ง ก็คือ ปัญหาจากหัวหน้า หรือผู้จัดการนี่แหละครับ หัวหน้างานหรือผู้จัดการบางประเภท จะเป็นคนที่ไม่ต้องการเห็นลูกน้องเก่งเกินหน้าเกินตา เวลาที่ลูกน้องมีผลงานดี ก็เริ่มที่จะสร้างความยากลำบากให้ลูกน้องตนเองมากขึ้น เพื่อทำให้ผลงานแย่ลง ลูกน้องบางคนเดินเข้ามาปรึกษาว่าขอการสนับสนุนในการพัฒนาเพื่อเติบโต หัวหน้าก็ไม่ช่วย ไม่หาทางพัฒนา แต่กลับทำเป็นไม่สนใจ และปล่อยให้พนักงานทำงานอยู่แบบเดิม พอถึงวันที่พนักงานต้องการลาออก หัวหน้ากลุ่มนี้ก็จะดีใจที่ออกไปเสียได้ คำถามก็คือ ถ้าองค์กรของเรามีหัวหน้าและผู้จัดการที่คิดแบบนี้มากๆ แล้วความเจริญของบริษัทจะเกิดขึ้นได้จริงๆ หรือ ที่สำคัญก็คือ ผู้บริหารระดับสูงของบางองค์กร ไม่เคยรู้เรื่องเหล่านี้เลยด้วยซ้ำไป
การหาคนเข้ามา ถือเป็นต้นทุนที่สูง การสอนงานจนพนักงานทำงานได้แล้ว ก็มีต้นทุนที่สูงอีกเช่นกัน แต่สุดท้ายคนที่ทำงานได้ กลับหมดกำลังใจ และไม่อยากทำงานกับองค์กร และองค์กรก็ปล่อยให้คนเก่งๆ ต้องออกจากคนองค์กรไปคนแล้วคนเล่า วงจรอุบาทว์แบบนี้ ถ้าไม่รีบแก้ไข และทำให้ดีขึ้น ก็จะส่งผลต่อการบริหารคนเก่งขององค์กรอย่างมากครับ

ในเรื่องของการพัฒนาตนเองของพนักงานนั้น ในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า การพัฒนาจะใช้เวลาสั้นลงสำหรับพนักงานระดับบริหาร เพราะการเข้าถึงแหล่งข้อมูลมีหลากหลายช่องทาง การวางแผนการพัฒนาควรทำทั้งสองแผนคือระยะสั้น และระยะยาว เพื่อให้พนักงานที่ศักยภาพ มีความสามารถ มองเห็นอนาคตขงตนเองในเองค์กรว่าจะเติบโตใปในทิศทางใหน