นิทานสอนใจ สวนดอกบัวของอาจารย์

วันนี้เอานิทานดี ๆ มาฝากกันอีกเช่นเคยนะครับ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อ่านแล้วได้ข้อคิด และพลังใจในการลงมือทำในสิ่งที่เรารักครับ ลองอ่านดูนะครับ

ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีอาจารย์เซนท่านหนึ่งผู้มีชื่อเสียงด้านสติและปัญญา ท่านมีสวนดอกบัวที่งดงามที่สุดในแคว้น ทุกๆ เช้าจะมีชาวบ้านแวะเวียนมาชมและชื่นชมความงามของดอกบัวเหล่านั้น

วันหนึ่ง ชายหนุ่มผู้ทะเยอทะยานคนหนึ่งเดินมาหาอาจารย์เซนด้วยท่าทางมุ่งมั่น “ท่านอาจารย์” เขาเอ่ย “ข้ามาขอเรียนเคล็ดลับการปลูกดอกบัวให้งดงามที่สุดเช่นนี้”

อาจารย์ยิ้มอย่างใจดีและชวนเขาเดินเข้าไปในสวน “เจ้าเห็นดอกบัวเหล่านี้ไหม?” อาจารย์ถาม “มีดอกบัวอยู่สองประเภทในใจของคนเรา”

“ดอกบัวประเภทแรก…คือดอกบัวที่เติบโตด้วย ตัณหา” อาจารย์กล่าวพลางชี้ไปที่บ่อดอกบัว “คนประเภทนี้จะปลูกดอกบัวด้วยความอยากให้มันสวยกว่าดอกบัวของคนอื่น อยากให้เป็นที่หนึ่งในแคว้น เมื่อดอกบัวบานสะพรั่ง เขาก็หลงระเริง แต่เมื่อดอกบัวเริ่มโรยราหรือมีใครมาชื่นชมดอกบัวของคนอื่นมากกว่า เขาก็จะทุกข์ร้อนใจ”

“การปลูกด้วยตัณหาและอุปาทานก็เหมือนกับว่าเจ้าใช้ปุ๋ยที่เป็นความอยากได้อยากมี พอได้แล้วก็ยึดติด พอสูญเสียก็เจ็บปวด”

อาจารย์พาชายหนุ่มไปอีกมุมหนึ่งของสวน ซึ่งดอกบัวในบ่อนี้ดูสงบและแข็งแรงไม่แพ้กัน

“ส่วนดอกบัวประเภทที่สอง…คือดอกบัวที่เติบโตด้วย ปัญญา” อาจารย์พูดต่อ “คนประเภทนี้ปลูกดอกบัวด้วยความเข้าใจ เขาไม่ได้ทำเพื่อเอาชนะใคร แต่ทำด้วยความรู้ว่านี่คือสิ่งที่จะเติบโตงอกงามได้ เขาเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ดี ดูแลน้ำและแสงแดดอย่างเหมาะสม ไม่ว่าดอกบัวจะบานเต็มที่หรือค่อยๆ โรยราไปตามกาลเวลา เขาก็ยอมรับได้”

“เขารู้ว่าดอกบัวมีความไม่เที่ยง การบานสะพรั่งเป็นเรื่องธรรมชาติ การโรยราก็เป็นเรื่องปกติของมัน”

ชายหนุ่มฟังแล้วก้มหน้าครุ่นคิด “ท่านอาจารย์” เขากล่าวในที่สุด “ถ้าเช่นนั้นแล้ว ข้าควรจะเลือกเป็นชาวสวนแบบไหนดี?”

อาจารย์เซนตอบอย่างเรียบง่ายแต่ทรงพลังว่า “เจ้าไม่ต้องเลือกที่จะเป็น แต่จง เลือกที่จะลงมือทำ

“หากเจ้าจะปลูกดอกบัว จงลงมือพรวนดิน รดน้ำ และให้แสงแดดอย่างเต็มที่ แต่จงระลึกไว้ว่า หน้าที่ของเจ้าคือการลงมือทำ ไม่ใช่การยึดติดกับผลลัพธ์ว่าดอกบัวจะต้องสวยงามเสมอไป

“เมื่อใดที่เจ้าทำสิ่งต่างๆ ด้วยความเข้าใจในธรรมชาติของมัน ไม่ใช่ด้วยความอยาก ความทุกข์ที่เกิดขึ้นก็จะค่อยๆ ลดลง และเจ้าจะมีความสุขกับทุกๆ ขั้นตอนที่ได้ลงมือทำ”

ชายหนุ่มรับคำของอาจารย์และกลับไป…ในเวลาต่อมา ผู้คนก็เห็นเขาในสวนของตัวเอง เขาทำงานอย่างเต็มที่แต่ใบหน้าดูสงบสุขกว่าที่เคยเป็นมา เขาไม่เคยบ่นเรื่องดอกไม้ที่ไม่บานหรือวัชพืชที่ขึ้นรกอีกต่อไป

เพราะเขาได้เรียนรู้แล้วว่า การลงมือทำด้วยปัญญาคือความสุขที่แท้จริง ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ได้มาจากการตามใจความอยากของตนเอง

ใส่ความเห็น

บลอกที่ WordPress.com .

ขึ้น ↑