วันนี้เอานิทานดี ๆ อีกเรื่องมาให้อ่านกัน หลายท่านอาจจะเคยผ่านตามาบ้างแล้ว แต่อ่านซ้ำอีกครั้ง มันก็ให้ข้อคิดกับเราเสมอ
ณ วัดเซนเก่าแก่กลางหุบเขา มีสามเณรรูปหนึ่งชื่อว่า “โซจิ” ซึ่งเป็นเด็กที่มีจิตใจดีและขยัน แต่มีข้อเสียอย่างหนึ่งคือ ขี้โมโหและวู่วาม
วันหนึ่ง โซจิโกรธเพื่อนที่เผลอทำข้าวของของเขาหก เขาตะโกนเสียงดัง ผลักเพื่อนจนล้ม และพูดจาไม่ดีต่อหน้าอาจารย์
เมื่อท่านอาจารย์เห็นเหตุการณ์ ก็ไม่ว่าอะไร แต่พาโซจิไปที่ประตูไม้เก่าหน้าวัด และส่งค้อนกับตะปูให้
“ทุกครั้งที่เจ้ารู้สึกโกรธ หงุดหงิด หรือโมโหใครสักคน ให้เจ้ามาตอกตะปูลงที่ประตูบานนี้หนึ่งดอก”
วันต่อมา โซจิตอกตะปูถึง 5 ดอก และในอาทิตย์นั้น ประตูไม้นั้นเต็มไปด้วยตะปูเกือบทั้งแผ่น
ผ่านไปหลายสัปดาห์ โซจิเริ่มเหนื่อยกับการต้องมาตอกตะปูบ่อย ๆ และค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดีขึ้น จนวันหนึ่งเขาไม่ได้ตอกตะปูเลยแม้แต่ดอกเดียว
เมื่อท่านอาจารย์เห็นดังนั้น ก็ยิ้มและกล่าวว่า:
“ดีมาก ต่อไปนี้…ทุกวันที่เจ้าควบคุมอารมณ์ได้ และให้อภัยคนอื่นได้ ให้ถอนตะปูออกมาหนึ่งดอก”
เวลาผ่านไปอีกหลายเดือน ตะปูทุกดอกก็ถูกถอนออกหมด โซจิดีใจ รีบวิ่งไปบอกอาจารย์
แต่ท่านอาจารย์กลับพาเขาไปที่ประตูบานนั้น และชี้ให้ดูรูตะปูนับร้อยที่ยังอยู่เต็มบาน
“เจ้าดูสิ…แม้เจ้าจะควบคุมอารมณ์ได้แล้ว และถอนตะปูออกหมด แต่ร่องรอยที่เจ้าเคยทำไว้ยังอยู่”
“คำพูดที่ไม่ดี แรงโกรธที่ระบายใส่คนอื่น บางครั้งอภัยได้…แต่บางครั้งทิ้งแผลไว้กับเขาตลอดชีวิต”
โซจินิ่งเงียบ น้ำตาคลอ เขาเข้าใจในวินาทีนั้นว่า…
“แม้จะขอโทษได้…แต่บางอย่างก็ไม่อาจย้อนคืนได้อีกเลย”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า:
โกรธแล้วพูดแรง… อาจแค่ไม่กี่วินาที แต่สร้างบาดแผลให้คนอื่นได้นานเป็นปี
การบริหารอารมณ์ไม่ใช่เรื่องของความอ่อนแอ แต่คือ ความรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่ตามมา
เพราะบางครั้ง “คำพูด” ก็เหมือน “ตะปู” — แม้จะดึงออกได้ แต่ รอยมันยังอยู่เสมอ
ใส่ความเห็น