วันศุกร์อีกเช่นเคย เอานิทานดี ๆ มาฝากกันอีกเช่นเคย ทุกวันนี้เรามักจะเจอกับคนที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองผิด มองตัวเองว่าถูกเสมอ เวลาที่ตัวเองจอดรถในที่ห้ามจอด มีคนมาเตือน ก็มักจะมองว่า แค่แป๊ปเดียวเองไม่เห็นเป็นไร บางคนขับรถย้อนศร พอมีคนเตือนก็มักจะเถียงว่า แค่นิดเดียวเอง ฯลฯ นี่คือความไร้จิตสำนึกของคนเรา เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายคนหนึ่งชื่อว่า “ไดจิ” เขาเป็นพ่อค้าที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวย แต่ขึ้นชื่อเรื่องความหยิ่งยโส และไม่เคยยอมรับว่าตัวเองทำผิด หากมีสิ่งใดผิดพลาด เขามักจะโทษผู้อื่นเสมอ
วันหนึ่ง ไดจิเดินทางไปพบท่านอาจารย์เซ็นชื่อว่า “ท่านโซริน” เพราะเขาได้ยินว่าท่านสามารถช่วยให้ผู้คนเข้าใจตัวเองได้ดีขึ้น
เมื่อเขามาถึงวัด เขากล่าวว่า “ท่านอาจารย์ ข้าต้องการคำแนะนำจากท่าน ข้าเป็นคนฉลาด มีความสามารถ และทำธุรกิจเก่ง แต่ข้ากลับพบว่าคนรอบตัวมักทำให้ข้าหงุดหงิด พวกเขาโง่ ขี้เกียจ และไม่ทำงานให้ถูกต้อง ข้าต้องแบกภาระทุกอย่างไว้เพียงคนเดียว”
ท่านโซรินยิ้มและกล่าวว่า “ข้าเข้าใจเจ้าดี แต่ก่อนที่ข้าจะให้คำแนะนำ ข้าขอให้เจ้าช่วยทำสิ่งหนึ่งให้ข้าก่อน”
“สิ่งใดหรือ?” ไดจิถาม
“จงไปยังห้องเก็บของด้านหลังวัด แล้วนำกระจกโบราณที่อยู่ในนั้นมาให้ข้า” ท่านโซรินกล่าว
ไดจิเดินไปยังห้องเก็บของและพบกระจกบานใหญ่ เขาหยิบมันขึ้นมา แต่ด้วยความไม่ระวัง เขาเดินสะดุดและทำกระจกหล่นแตกกระจาย
เขาตกใจและรู้สึกไม่พอใจ “ทำไมท่านถึงให้ข้าหยิบของที่เปราะบางเช่นนี้มา? นี่ไม่ใช่ความผิดของข้า!” เขาพึมพำกับตัวเอง
เมื่อเขากลับไปหาท่านโซริน เขากล่าวว่า “ข้าขอโทษท่าน กระจกมันแตกเอง มันคงเก่าและเปราะบางเกินไป”
ท่านโซรินพยักหน้าและยิ้ม “กระจกแตกเองอย่างนั้นหรือ?”
ไดจิรู้สึกแปลกใจและเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “ก็…ข้าทำมันตก แต่นั่นเป็นเพราะพื้นที่ห้องเก็บของไม่เรียบ ท่านน่าจะให้ข้าระวังมากกว่านี้”
ท่านโซรินหัวเราะเบา ๆ และกล่าวว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงให้เจ้าหยิบกระจกมา?”
ไดจิส่ายหัว
ท่านโซรินกล่าวว่า “เพราะกระจกนี้เป็นเหมือนจิตใจของเจ้าเอง มันควรสะท้อนให้เจ้าเห็นตัวเองตามความเป็นจริง แต่เมื่อมันแตก เจ้ากลับโทษทุกสิ่งรอบตัว ยกเว้นตัวเจ้าเอง เช่นเดียวกับชีวิตของเจ้า เจ้าปฏิเสธที่จะเห็นข้อผิดพลาดของตัวเอง และแทนที่จะยอมรับและเรียนรู้ เจ้ากลับมองหาคนอื่นมาเป็นผู้ผิดแทน”
ไดจินิ่งเงียบ เขาตระหนักว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาไม่เคยยอมรับว่าตัวเองอาจเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา ไม่เคยมองกระจกของจิตใจตัวเองอย่างแท้จริง
ท่านโซรินกล่าวต่อว่า “หากเจ้าอยากให้ชีวิตดีขึ้น เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะมองกระจกของจิตใจโดยไม่ให้มันแตกเสียก่อน จงเผชิญหน้ากับความจริง และยอมรับความผิดพลาดของตัวเองบ้าง เจ้าจะพบว่าปัญหาหลายอย่างที่เจ้าคิดว่าเกิดจากผู้อื่น แท้จริงแล้วเริ่มต้นจากตัวเจ้าเอง”
ไดจิค้อมศีรษะ เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่า อัตตาและความเย่อหยิ่งของเขาทำให้เขามองไม่เห็นความจริง และตั้งแต่วันนั้น เขาพยายามเฝ้าดูตัวเอง และเปิดใจรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขา
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า:
คนที่มีอัตตาสูงมักไม่ยอมรับความผิดของตนเอง และมองว่าปัญหาต่าง ๆ เกิดจากผู้อื่นเสมอ แต่หากเรากล้าที่จะมองกระจกของจิตใจอย่างแท้จริง และยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเอง เราจะสามารถเติบโตและเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทางที่ดีขึ้นได้
ใส่ความเห็น