การทุจริตในองค์กรเป็นปัญหาที่สำคัญและซับซ้อนมากกว่าที่เราคิด ยิ่งในยุคปัจจุบัน แนวโน้มของการทุจริตมีความซับซ้อนมากขึ้น อีกทั้งยังดูเป็นมืออาชีพมาก จนหลายครั้งที่เราตามจับยากมาก ถ้าคิดเป็นมูลค่า การทุจริตภายในองค์กรนั้นมีมูลค่ามหาศาลทั่วโลก และก่อให้เกิดความเสียหายต่อทั้งองค์กรและสังคมได้มากมาย ด้วยเหตุนี้ การทำความเข้าใจรูปแบบและแรงจูงใจของผู้กระทำทุจริตจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการป้องกันการทุจริตของพนักงาน (อ้างอิงจากบทความเรื่อง 3 Common Archetypes of Employees Who Commit Fraud by Kelly Richmond Pope and Vairam Arunachalam จาก Harvard Business School)
ประเภทของผู้กระทำการทุจริต
ผู้กระทำการทุจริตสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักตามแรงจูงใจและรูปแบบการกระทำ:
1. Intentional Perpetrators (กระทำโดยเจตนา)
ผู้กระทำประเภทนี้มีจุดมุ่งหมายในการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนโดยตรง มักมีบุคลิกที่ชอบแสดงอำนาจและเชื่อมั่นในความสำเร็จของตนเอง ซึ่งสามารถนำไปสู่การละเลยกฎเกณฑ์และข้อบังคับภายในองค์กร เช่น ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรที่ใช้การฉ้อโกงเช็คสร้างรายได้หลายล้านบาทเพื่อสะสมของสะสมส่วนตัว และเมื่อการฉ้อโกงนี้ถูกเปิดเผย ทำให้ลูกค้าหลายพันรายต้องสูญเสียเงินและบางองค์กรต้องเลิกจ้างพนักงาน
2. Accidental Perpetrators (ผู้กระทำโดยไม่ตั้งใจ)
พนักงานประเภทนี้ไม่ได้ตั้งใจทุจริต แต่พบว่าตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องกระทำการผิดกฎหมายเนื่องจากความไว้วางใจในผู้บังคับบัญชา หรือกลัวการเผชิญหน้ากับความจริง ตัวอย่างเช่น การลงนามเอกสารที่ไม่ได้ตรวจสอบให้ละเอียดถี่ถ้วน หรือการทำตามคำสั่งของหัวหน้าที่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผู้กระทำเหล่านี้มักจะมีบุคลิกเปราะบาง ซึ่งทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์ทุจริต
3. Righteous Perpetrators (ผู้กระทำเพื่อสิ่งที่คิดว่าดี)
บุคคลกลุ่มนี้เชื่อว่าการกระทำของตนจะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรหรือสังคม แม้จะต้องฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ เช่น Elizabeth Holmes อดีต CEO ของ Theranos ที่เชื่อมั่นในเทคโนโลยีการตรวจเลือดที่เธอพัฒนาขึ้น แม้จะมีปัญหาทางเทคนิคและไม่เป็นจริง สุดท้ายการกระทำของเธอก็ทำให้บริษัทต้องล่มสลาย
แนวทางป้องกันการทุจริตในองค์กร
การป้องกันการทุจริตในองค์กรต้องการมาตรการที่หลากหลาย และครอบคลุมตั้งแต่ระดับนโยบายไปจนถึงการปฏิบัติในองค์กรอย่างเคร่งครัด
1. การฝึกอบรมและการให้ความรู้
องค์กรควรจัดฝึกอบรมเกี่ยวกับการทุจริตให้กับพนักงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้พนักงานมีความรู้ในการตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติและรู้วิธีการรายงานการทุจริตอย่างถูกต้อง
2. การเสริมสร้างระบบการควบคุมภายใน
การสร้างระบบควบคุมภายในที่เข้มงวด ช่วยลดโอกาสการทุจริตได้ เช่น การแบ่งแยกหน้าที่ความรับผิดชอบให้ชัดเจนและการตรวจสอบภายในอย่างเป็นประจำ
3. ส่งเสริมการแจ้งเบาะแส (Whistleblower)
องค์กรควรสนับสนุนให้พนักงานรายงานพฤติกรรมทุจริตผ่านช่องทางที่ปลอดภัย เช่น สายด่วน หรือการแจ้งเตือนทางเว็บ และรับรองว่าพนักงานที่รายงานจะได้รับการคุ้มครอง ไม่ตกเป็นเหยื่อของการแก้แค้น
4. การตรวจสอบและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง
องค์กรควรดำเนินการตรวจสอบกระบวนการและนโยบายอย่างต่อเนื่อง เพื่อตรวจสอบความเสี่ยงและป้องกันการทุจริต รวมถึงการวางแผนและการจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ
สรุปแล้ว การป้องกันการทุจริตในองค์กรเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยการจัดการที่รอบคอบและการสื่อสารที่เปิดเผยระหว่างพนักงานและผู้บริหาร การสร้างวัฒนธรรมที่เข้มแข็งในเรื่องการปฏิบัติตามกฎระเบียบจะช่วยให้องค์กรสามารถป้องกันความเสี่ยงจากการทุจริตได้อย่างยั่งยืน
ใส่ความเห็น