อารมณ์เศร้า จิตตก เป็นประสบการณ์ทั่วไปที่ทุกคนต้องเผชิญในชีวิต อาการโดยทั่วไปก็คือ ความรู้สึกเศร้า ว่างเปล่า หรือขาดแรงจูงใจ การเข้าใจธรรมชาติของอารมณ์เศร้า จิตตกของตนเองอย่างแท้จริง จะสามารถช่วยให้เราจัดการและพัฒนาความรู้สึกที่ดีทางอารมณ์ได้ ได้อ่านหนังสือชื่อว่า Why has nobody told me this before ของ Dr. Julie Smith เขียนเกี่ยวกับอาการจิตตก และวิธีการแก้ไข ก็เลยเอามาถ่ายทอดให้อ่านกัน
การยอมรับความปกติของอาการจิตตก
ทุกคนต้องเผชิญกับอารมณ์เศร้า และจิตตก ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิตแน่นอน ไม่มีใครเลี่ยงได้ แต่ความถี่และความรุนแรงของมันแตกต่างกัน การยอมรับว่าอาการจิตตกเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา จะสามารถช่วยลดความรุนแรงและความรู้สึกโดดเดี่ยวที่มักมาพร้อมกับมันได้ การเข้าใจว่าแม้แต่ผู้ที่ดูเหมือนจะมีความสุขก็อาจประสบกับวันที่เศร้า และจิตตกได้เช่นกัน ก็จะช่วยให้เรารู้สึกว่าเวลาที่เราจิตตก มันก็คือเรื่องธรรมดาที่คนเราต้องรู้สึก ก็จะช่วยให้เราจัดการกับมันได้ง่ายขึ้น
การนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เริ่มต้นด้วยการยอมรับความรู้สึกของคุณโดยไม่ตัดสิน คิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีวันที่เศร้าได้ สิ่งสำคัญคือการรับรู้ถึงอารมณ์นั้น โดยไม่รู้สึกผิด แล้วค่อยมาหาสาเหตุเพื่อแก้ไข
เลิกเข้าใจผิดเกี่ยวกับอารมณ์ตนเอง
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคืออารมณ์เศร้า และจิตตกนั้น เป็นสิ่งที่ติดตัวเรามาโดยแก้ไขไม่ได้ หรือมองมันว่าข้อบกพร่องในบุคลิกภาพของคนเราซึ่งปรับไม่ได้ ความเชื่อนี้อันตรายมา เพราะมันสามารถนำไปสู่ความรู้สึกสิ้นหวัง และหดหู่ เพราะคิดไปเองว่า มันแก้ไขไม่ได้ จากข้อเท็จจริงของงานวิจัยทางด้านสมองพบว่า อารมณ์คนเราไม่ได้คงที่ มันเป็นความรู้สึกที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการกระทำและความคิดที่ถูกต้อง
การนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ท้าทายความคิดเชิงลบที่บอกว่าอารมณ์ของคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เตือนตัวเองว่าความรู้สึกเป็นสิ่งชั่วคราวและสามารถเปลี่ยนแปลงได้
การระบุปัจจัยที่มีผลต่ออารมณ์ของตนเอง
ต้องเข้าใจและยอมรับให้ได้ว่า อารมณ์ถูกกำหนดโดยปัจจัยภายในและภายนอก รวมถึงสุขภาพร่างกาย สิ่งแวดล้อม ความสัมพันธ์ และวิถีชีวิต เช่นเดียวกับอุณหภูมิของร่างกายที่เปลี่ยนแปลงตามสภาพแวดล้อม อารมณ์ของเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตามปัจจัยเหล่านี้ได้
การนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ให้ความสนใจกับสิ่งแวดล้อมของตัวเรา และวิธีที่มันส่งผลต่ออารมณ์ของเรา มีสถานการณ์อะไร คนแบบไหน หรือสถานที่เฉพาะเจาะจงตรงไหน แบบไหน ที่ส่งผลต่ออารมณ์ของเราหรือไม่ เมื่อเรารู้ เราก็สามารถปรับเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นเมื่อเป็นไปได้ เช่น เพิ่มการใช้เวลาในสภาพแวดล้อมที่สร้างแรงบันดาลใจ หรืออยู่กับบุคคลที่สนับสนุนเรา หรือ เลี่ยงภาวะ สถานที่ที่จะทำให้เราจิตตก ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน
การสร้างกล่องเครื่องมือสำหรับจัดการอารมณ์เศร้า
Dr. Smith เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีกล่องเครื่องมือของกลยุทธ์ในการจัดการอารมณ์เศร้าของเราเอง เช่น ถ้าเราชอบกิจกรรมการออกกำลังกาย ก็ใช้มันช่วยได้ หรือชอบที่จะฝึกฝนการคิด หรือ ฟังเพลง หายใจเข้าออกลึก ๆ ยืนนิ่ง ๆ มองไปไกลๆ ฯลฯ เราต้องหาชุดเครื่องมือเฉพาะของเราเองที่สามารถช่วยให้เราผ่อนคลายได้ในภาวะที่เรารู้สึกจิตตกและฝึกใช้มันให้คล่อง เพื่อที่จะสามารถหยิบมาใช้ได้ทันทีที่เรารู้สึกจิตตก
การนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน สร้างรายการกิจกรรมและกลยุทธ์ที่ช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้น เช่น การออกกำลังกาย การเขียนบันทึก การฝึกสมาธิ หรือการพูดคุยกับเพื่อน เก็บรายการนี้ไว้ใกล้ตัวและใช้งานมันได้ทันทีเมื่อรู้สึกว่าเกิดภาวะจิตตก
สติและการตระหนักรู้อารมณ์ของตนเอง
การเพิ่มสติ และความตระหนักรู้ในความรู้สึกของตนเองเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการอารมณ์เศร้า การเป็นคนที่รับรู้ถึงความคิด อารมณ์ และความรู้สึกทางกายของตนเองได้ไว้ จะช่วยให้เข้าใจตัวเองและทราบถึงตัวกระตุ้นของอารมณ์เศร้าได้ดียิ่งขึ้น
การนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ฝึกฝนการฝึกสมาธิหรือการทำสมาธิเพื่อเพิ่มความตระหนักรู้ถึงสถานะภายในของเรา สิ่งนี้จะช่วยให้เราจับรูปแบบความคิดเชิงลบในช่วงต้นและเปลี่ยนความคิดเหล่านั้นไปสู่ความคิดที่เป็นบวกหรือเป็นกลางมากขึ้น
สรุปแล้ว อารมณ์เศร้าเป็นประสบการณ์ธรรมดาที่สามารถจัดการได้ ด้วยการเข้าใจธรรมชาติของมันและนำกลยุทธ์ที่ใช้ได้จริงไปใช้ ตัวเราเองนี่แหละ ที่สามารถควบคุมความเป็นอยู่ที่ดีทางอารมณ์ของเราเองได้ จำไว้ว่าการมีวันที่เศร้าเป็นเรื่องปกติ และการดำเนินการแก้ไขแค่เพียงวิธีการเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่สม่ำเสมอ สามารถนำไปสู่การพัฒนาอารมณ์และสุขภาพจิตโดยรวมได้อย่างมาก เริ่มต้นด้วยการยอมรับความรู้สึกของตัวเราเอง ท้าทายความคิดเชิงลบ และสร้างกล่องเครื่องมือของกลยุทธ์ เพื่อใช้ช่วยในยามที่ต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ด้วยเวลาและการฝึกฝน นิสัยเหล่านี้สามารถกลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันของเรา ทำให้คุณมีสภาวะอารมณ์ที่สมดุลและเข้มแข็งขึ้นได้
ใส่ความเห็น