นิทานสอนใจ หนทางแห่งความสุข

วันนี้เอานิทานสอนใจดี ๆ มาให้อ่านกันเหมือนเดิมนะครับ เรื่องราวสั้น ๆ ที่น่าจะทำให้เรามีพลังในการใช้ชีวิตที่อยู่ท่ามกลางความวุ่นวายในยุคนี้ ลองอ่านกันดูเลยนะครับ

สุขของคนเราล้วนแตกต่างกันไป แม้แต่ชาย 3 คนที่เป็นเพื่อนกัน และมีวัยไล่เลี่ยกัน ก็ยังมีความคิดเห็นในเรื่องความสุขที่แตกต่างกันไป

ในวันหนึ่ง ชายทั้งสามคนนี้ได้เดินทางมาที่วัด และเกิดความสงสัยในพุทธศาสนา ดังนั้น พวกเขาจึงเรียนถามพระอาจารย์ว่า

“พระอาจารย์ครับ พวกผมอยากจะถามพระอาจารย์ว่า อันที่จริงแล้วการนับถือพุทธศาสนาจะสามารถทำให้คนเราพ้นทุกข์ได้จริงหรือ นี่พวกเราก็นับถือพุทธศาสนากันมาตั้งหลายปีแล้ว ทำไมเราจึงยังไม่มีความสุขกันเสียที”

เมื่อพระอาจารย์ได้ฟังดังนั้น ก็ไม่ได้ตอบคำถาม แต่ได้ถามกลับว่า

“ว่าแต่ตอนนี้พวกโยมมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรเล่า พวกโยมลองอธิบายกันมาทีละคนซิ”

ชายคนแรกกล่าวว่า

“การที่ผมมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อหวังว่าจะไม่ตาย เพราะสำหรับผมแล้วความตายมันน่ากลัวเหลือเกิน อย่างไรซะผมก็ยังอยากมีชีวิตต่อไปให้นานเท่าที่จะนานได้ล่ะครับ”

ชายคนที่สองกล่าวว่า

“การที่ผมมีชีวิตอยู่ก็เพื่อทำตอนนี้ที่ยังมีเรี่ยวแรง ยังหนุ่มยังแน่น ขยันหาเงินสร้างตัวเอง พอร่ำรวยแล้ว แก่ตัวไปจะได้สบายไม่ต้องลำบากอีก”

ชายคนที่สามกล่าวว่า

“การที่ผมมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อครอบครัวของผมจริง ๆ เพราะผมเป็นหัวหน้าครอบครัว หากพวกเขาไม่มีผมสักคน เขาคงอยู่กันไม่ได้แน่ ๆ”

คราวนี้พราะอาจารย์ก็เลยถึงคราวได้สอนหนุ่มทั้งสามบ้าง

“นี่ไงล่ะ วันทั้งวันพวกโยมเอาแต่คิดเรื่องที่ทำให้ไม่มีความสุข อย่าง ความแก่ ความตาย ความอุตสาหะเอาชีวิตให้รอด แต่กลับไม่เคยคิดเรื่องหลักการ หรือหน้าที่เลย แล้วอย่างนี้จะมีความสุขไปได้อย่างไรกัน”

เมื่อพระอาจารย์กล่าวจบ ทั้งสามหนุ่มก็พูดไปในทำนองเดียวกันว่า เรื่องที่พระอาจารย์พูดนั้น มันพูดง่ายแต่ทำยาก หากคิดแบบพระอาจารย์ก็คงต้องอดข้าวตาย แล้วแบบนี้จะมีความสุขไปได้อย่างไรกัน

ดังนั้นพระอาจารย์เลยถามพวกเขากลับไปว่า

“แล้วพวกโยมคิดว่าหากมีสิ่งใดแล้วจะมีความสุขกันล่ะ ลองตอบมาทีละคนซิ”

ชายคนแรกก็ตอบว่า

“ต้องมีชื่อเสียง มีเกียรติยศ อย่างนี้ชีวิตก็จะมีความสุข”

ชายคนที่สองตอบว่า

“ต้องมีความรักสิ เพราะความรักเป็นสิ่งที่ช่วยจรรโลงโลก ทำให้ชีวิตหอมหวาน แบบนี้แล้วชีวิตก็จะมีความสุข”

ชายคนที่สามตอบว่า

“อย่างไรซะ เงินทองนี่แหละที่จะทำให้มีความสุขได้ ไม่ต้องสงสัยเลย”

พอมาถึงตรงนี้พระอาจารย์ก็เลยถามกลับไปบ้างว่า

“ว่าแต่น่าแปลกจริงนะ เพราะคนบนโลกนี้ที่เขามีทั้งชื่อเสียง ความรัก เงินทอง แต่ทำไมเขายังไร้ความสุขอยู่อีกล่ะ”

เมื่อชายหนุ่มทั้งสามได้ฟังก็รู้สึกว่า พระอาจารย์พูดมีเหตุผล ก็จริงอย่างที่ท่านว่า มีคนที่ดูเพียบพร้อมมากมาย แต่ชีวิตเขากลับไม่มีความสุข ไม่เคยมีรอยยิ้มบนใบหน้าเขาด้วยซ้ำไป แล้วมันเป็นเพราะอะไรล่ะ

พระอาจารย์ก็เลยสอนต่อไปว่า

“การที่เขาเหล่านั้นซึ่งมีทุกอย่าง แต่ยังขาดความสุขก็เพราะว่า มีชื่อเสียงแล้วไม่รู้จักเผื่อแผ่คนอื่น ไม่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มันก็ไม่มีความสุข แม้มีความรักแต่เอาแต่รับ ไม่รู้จักการให้ ก็ปราศจากความสุข และแม้จะมีเงินทองมากมาย แต่ถ้าไม่รู้จักทำบุญทำทานบ้าง ชีวิตเขาก็จะหาความสุขไม่เจอ แต่หากรู้จักบริหารชีวิตให้ถูกแล้ว นี่แหละจึงจะพบหนทางแห่งความสุข”

ใส่ความเห็น

บลอกที่ WordPress.com .

ขึ้น ↑