เมื่อพูดถึงเรื่องของการเกษียณอายุ ก็มีหลายมุมมองที่เกิดขึ้น พนักงานบางคน ก็มองว่า คนแก่ที่อายุเยอะแล้ว ก็ยังถือว่าเป็นคนที่มีประสบการณ์สูง เคยผ่านปัญหาและอุปสรรคมาเยอะ สามารถที่จะทำงาน และสอนงานคนรุ่นใหม่ได้ และยังเป็นบุคลากรที่มีคุณค่าอยู่ ก็เลยมองกันว่า เราไม่ควรจะมีการกำหนดอายุเกษียณที่ 60 เนื่องจากยังไม่แก่ และด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ยุคใหม่ ทำให้คนเราแก่ช้าลงไปได้จริงๆ ซึ่งเป็นผลทำให้คนที่อายุ 60 นั้น ยังมีแรง มีพลัง และมีความคิดอ่านที่รวดเร็วได้เช่นเดิม พูดง่ายๆ ก็คือ ยังไม่อยากเกษียณอายุนั่นเอง
แต่ก็มีพนักงานอีกกลุ่มหนึ่งที่คิดเสมอว่า อยากจะเกษียณอายุตั้งแต่อายุยังน้อยๆ เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตที่เหลือไปกับการทำในสิ่งที่ตนชอบ มากกว่าที่จะทำงานจนแก่
ท่านผู้อ่านล่ะครับ คิดไปในทางไหนมากกว่ากัน
ปัจจุบันนี้ก็มีหลายองค์กรที่จ้างพนักงานที่มีอายุเยอะๆ เข้าทำงาน บางแห่งจ้างพนักงานที่เกษียณอายุจากที่อื่นแล้ว แต่ยังอยากทำงานอยู่ ให้เข้ามาทำงานกับบริษัทได้ก็มี
ผู้บริหารของบริษัทเหล่านี้ เชื่อว่า บุคคลอาวุโสเหล่านี้ หลายคน ยังมีความรู้ความสามารถในการทำงานได้อย่างดี บางงานยังทำได้ดีกว่าพนักงานรุ่นหนุ่มสาวด้วยซ้ำไป
จากบทความหนึ่งใน SHRM ที่เขียนเรื่องราวของการจ้างพนักงานสูงอายุให้ทำงานต่อไปได้อีก บทความชื่อว่า Singapore Keeps Older Employees Working เขียนโดย By Nan Sato © Fisher Phillips ซึ่งได้เขียนกรณีศึกษาของประเทศสิงคโปร์ในกรณีของการจ้างงานพนักงานสูงอายุไว้ว่าเป็นนโยบายที่มีหลายบริษัทเริ่มทำกัน และก็เริ่มทำกันมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากประชากรของเขาประมาณ 47% เป็นผู้สูงอายุ (อายุประมาณ 65 ปี) ประชากรรุ่นหนุ่มสาวมีไม่มากนัก ซึ่งในประเทศไทยเองอีกไม่นานก็คงจะเข้าสู่ยุคแห่งผู้สูงอายุเช่นกัน
ซึ่งทำให้นายจ้างหาพนักงานหนุ่มๆ สาวๆ ได้ยากมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีจำนวนน้อยลงไปมาก สุดท้ายก็เลยต้องสร้างนโยบายเรื่องของการจ้างพนักงานที่เกษียณอายุแล้ว กลับเข้าทำงานใหม่ ซึ่งปกติที่เขาทำกันก็มีอยู่ดังต่อไปนี้
- จ้างกลับเข้าทำงานใหม่ ก็คือ พนักงานที่เกษียณอายุแล้ว แต่ถ้ามีคุณสมบัติตามที่บริษัทกำหนดไว้ ทางบริษัทก็จะเสนอจ้างกลับเข้ามาทำงานใหม่ ซึ่งเกณฑ์ดังกล่าวก็คือ (1) มีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ยังพร้อมที่จะทำงานได้อยู่ (2) มีผลงานที่ดี (3) มีอายุงานกับบริษัทอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด เช่น 5-10 ปี ก่อนเกษียณ ซึ่งการจ้างงาน ก็มีแบบจ้างเข้ามาทำงานในตำแหน่งงานเดิมที่เคยทำเมื่อก่อนเกษียณ หรือมีการปรับขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบใหม่ให้สอดคล้องกับตัวพนักงานมากขึ้น ซึ่งเรื่องของค่าจ้างเงินเดือน และสวัสดิการ ก็จะมีการตกลงกันใหม่ หรืออาจจะใช้แบบเดิม อันนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละองค์กร ซึ่งปกติ ก็มีความแตกต่างกันไป พนักงานอาจจะไม่ตอบรับการจ้างกลับเข้าทำงานใหม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของพนักงานด้วยเช่นกัน
- โอนย้ายไปยังนายจ้างใหม่ บางบริษัทอาจจะไม่มีนโยบายในการจ้างพนักงานหลักเกษียณ แต่บริษัทเหล่านี้ก็จะมีข้อตกลงกับบริษัทอื่นๆ ที่มีนโยบายจ้างพนักงานหลังเกษียณอายุไว้ เพื่อที่จะส่งตัวพนักงานที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมไปให้ทำงานด้วย ซึ่งเรื่องของค่าจ้างสวัสดิการ และเงื่อนไขในการทำงาน ก็เป็นไปตามนายจ้างใหม่ที่ว่าจ้าง วิธีนี้ก็คือเป็นทางออกที่ดี สำหรับพนักงานที่ยังต้องการทำงานต่อ แต่บริษัทไม่มีนโยบาย ก็จะได้ส่งตัวไปยังบริษัทอื่น
ในประเทศไทยเองแม้ว่า จะมีการกำหนดอายุเกษียณไว้อย่างชัดเจน แต่ก็มีหลายบริษัทที่มีการว่าจ้างพนักงานที่เกษียณอายุต่อไปอีก แต่เท่าที่พบมักจะเป็นกรณีที่ขาดคนทำงาน ขาดผู้สืบทอดตำแหน่ง และบริษัทจำเป็นที่จะต้องให้พนักงานคนนี้ทำงานต่อไป ก็เลยต้องต่ออายุต่อไป หรืออาจจะมีสาเหตุมาจากพนักงานเองขอต่อเกษียณอายุตัวเอง (มีจริงๆ นะครับ) เพราะยังไม่อยากเกษียณ
แต่ที่สิงคโปร์นั้น เขาไม่ใช่แบบเรา เขามีระบบการพัฒนาพนักงาน มีระบบการสร้างผู้สืบทอดตำแหน่ง ถ้าเป็นตำแหน่งระดับบริหาร ส่วนพนักงานที่เกษียณอายุนั้น ถ้าได้รับการว่าจ้างใหม่ ก็อาจจะแปลงร่างเป็นที่ปรึกษาไป หรืออาจจะมีการเปลี่ยนหน้าที่และความรับผิดชอบกันไปเลยก็มี จากเดิมที่เคยอยู่ในออฟฟิศ ก็ให้ออกมาต้อนรับลูกค้า เป็นต้น
ในอนาคตอีกไม่นานข้างหน้าประเทศไทยเองก็น่าจะเข้าสู่สังคมแห่งผู้สูงอายุ ฝ่ายบุคคลก็ควรจะมีการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับนโยบายในเรื่องนี้ด้วยเช่นกันครับ

ใส่ความเห็น