เมื่อวานได้เขียนเรื่องของแนวทางในการสร้างระบบ Career Path ไปแล้วว่าจะต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ซึ่งถือว่าก่อนที่จะตอบคำถามพนักงานว่า อยู่ที่นี่แล้วจะโตไปไหนได้บ้าง นั้น สิ่งแรกที่บริษัทของเราต้องมีก็คือ ระบบความก้าวหน้าในสายอาชีพที่ชัดเจน มีการออกแบบเส้นทางการเติบโต และมีการกำหนดเกณฑ์ในการโตไว้ด้วยเช่นกัน
เมื่อเรามีระบบที่ชัดเจนแล้ว สิ่งถัดไปที่จะต้องทำต่อก็คือ การนำเอาระบบไปใช้จริง กล่าวคือ นอกจากตอบพนักงานได้ว่าสามารถโตไปไหนได้ ยังสามารถทำให้เขาโตไปได้ตามแผนอาชีพที่เขาวางไว้ได้ด้วยเช่นกัน
และการที่พนักงานจะเติบโตไปตามสายอาชีพได้นั้น เราจะต้องทำตัวอย่างไร และต้องมีขั้นตอนอย่างไร
- เริ่มต้นที่ตัวพนักงานเอง จุดเริ่มต้นของการเติบโตตามสายอาชีพนั้น ในปัจจุบันนี้จะต้องเริ่มต้นที่ตัวพนักงานเองก่อน พนักงานจะต้องได้รับการส่งเสริมให้คิดและวางแผนการเติบโตในสายอาชีพของตนเอง พนักงานสามารถที่จะเดินเข้ามาหาหัวหน้าแล้วบอกกับหัวหน้าตรงๆ ว่า อยากจะเติบโต อยากจะโตสายไหน เส้นทางไหน ด้วยระยะเวลาอีกกี่ปี ฯลฯ และถ้าบริษัทเรามีระบบอย่างที่ได้กล่าวไว้เมื่อวานนี้แล้ว หัวหน้างาน และ HR ก็จะสามารถตอบพนักงานได้ว่า เส้นทางในการเติบโตนั้นสามารถเดินได้ในทางไหนบ้าง พนักงานบางคนสงสัยว่า เรื่องของการเติบโตในสายอาชีพนั้น หัวหน้าจะต้องเป็นคนวางแผนให้ไม่ใช่หรือ เพราะเราก็แค่พนักงานคนหนึ่งจะไปวางแผนอะไรได้ คำตอบก็คือ ไม่ใช่ครับ การวางแผนเติบโตในสายอาชีพนั้น ตัวพนักงานเองจะต้องเป็นคนสนใจ และริเริ่มด้วยตนเองก่อน แล้วจึงนำสิ่งที่ตนเองคิดไว้ ไปหารือ และขอคำปรึกษาจากหัวหน้าอีกครั้งหนึ่ง มากกว่าที่จะให้หัวหน้าวางให้ เพราะจะยังไง หัวหน้าเองก็ไม่สามารถที่จะรู้ถึงความต้องการของพนักงานได้ดีเท่าตัวพนักงานเอง
- หารือกับหัวหน้า และ HR เมื่อพนักงานมีเป้าหมายสายอาชีพของตนเองที่ชัดเจนแล้ว เมื่อพนักงานรู้ตัวแล้วว่าอยากโตเส้นทางไหน ก็จะต้องร่วมกับหัวหน้าของตน ทำการวางแผนการพัฒนาในเรื่องต่างๆ เพื่อให้ได้ตามเกณฑ์ที่วางไว้ เช่นพนักงานบอกว่า เป้าหมายของเขาคือการได้เป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคล และในการจะโตไปเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลนั้น เขาจะต้องรู้อะไรบ้าง จะต้องมีทักษะอะไรบ้าง รวมทั้งคุณสมบัติอื่นๆ ที่จำเป็น ก็จะถูกกำหนดออกมาอย่างชัดเจน หัวหน้ากับลูกน้องก็ต้องนำเอาเกณฑ์เหล่านั้นมาวางแผนเพื่อการพัฒนาพนักงาน ว่าเป้าหมายในอีก 5 ปีข้างหน้า จะเป็นผู้จัดการ ดังนั้นในปีที่หนึ่ง จะต้องพัฒนาอะไร ปีที่สองต้องพัฒนาอะไร ฯลฯ เราก็จะมีแผนการพัฒนาตามเส้นทางสายอาชีพของพนักงาน
- อาจจะให้นายเป็นคนสอนงานในบางเรื่อง พอวางแผนในการพัฒนาเสร็จเรียบร้อย ความรู้และทักษะในบางเรื่องนั้น อาจจะตัองให้นายของเราเป็นคนสอน แนะนำ ก็ต้องเดินเข้าไปคุยกับนายตรงๆ ว่า อยากให้นายสอนและโคชเรื่องอะไรบ้าง จากนั้นก็วางแผนการสอนงานกันให้ชัดเจนว่าสัปดาห์นึงจะต้องมาเจอกันวันไหน กี่ชั่วโมง และประเด็นที่ต้องมาคุยกันในการพบเจอกันนั้นมีอะไรบ้าง เป็นต้น
- อาสาสมัครทำงานโครงการบางอย่าง การที่เราจะเติบโตตามสายอาชีพได้เร็วหรือช้านั้น นอกจากแผนการพัฒนาไม่พอ อาจจะต้องใส่เพิ่มในเรื่องของความเต็มใจที่จะทำงานที่มากขึ้น หรือยากขึ้น เช่น อาสาที่จะทำงานโครงการใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยทำมาก่อน เป็นต้น เพื่อที่จะได้มีโอกาสในการเรียนรู้งานมากขึ้น ถ้าเราอยากโต เราก็ไม่ควรจะเกี่ยงงานมากนัก แต่ต้องคิดว่า มันคือการพัฒนาตัวเองในมีทักษะในการทำงานที่สูงขึ้น ผมยังไม่เคยเห็นพนักงานที่โตเร็วในสายอาชีพแบบที่นั่งเฉยๆ ทำตามคำสั่งแล้วโตได้อย่างรวดเร็วสักคน เห็นแต่คนที่ต้องทุ่มเท เรียนรู้ พัฒนา อาสาที่จะทำงานมากขึ้น ยินดีและเต็มใจที่จะรับผิดชอบงานที่ยากขึ้นกว่าเดิม โดยที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องตำแหน่ง และค่าตอบแทนแต่อย่างใด
การที่พนักงานจะเติบโตไปตามสายอาชีพได้นั้น อย่าลืมว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องของบริษัท หรือหัวหน้างานแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่เป็นเรื่องของพนักงานคนนั้นเป็นหลักเลย
ดังนั้นเมื่อมีระบบ Career Path แล้ว ก็ต้องมีองค์ประกอบที่จะทำให้ Career มันเดินได้จริงๆ ก็คือ พนักงานต้องสนใจ หัวหน้าต้องส่งเสริม และองค์กรก็ต้องสนับสนุนด้วยเช่นกัน แล้วระบบ Career path ของบริษัทก็จะเป็นระบบที่ทำให้พนักเติบโตได้จริง

ใส่ความเห็น