เอานิทานดี ๆ มาให้อ่านกันเช่นเคยนะครับ
วันนี้ ที่วัดมีเณรบวชใหม่ ก่อนหน้านี้เขาเป็นเด็กจรจัดแต่ฉลาดสมองไว มือไม้คล่องแคล่ว ใบหน้าที่เคยเปรอะเปื้อนเลอะเทอะ พอโกนผมแล้วกลายเป็นเณรน้อยที่มีใบหน้าสะอาดสะอ้าน ดูแหลมคม
พระอาจารย์นอกจากดูแลเอาใจใส่ในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของเณรแล้ว ยังเฝ้าอบรมสอนวิชาทางธรรมและความรู้พื้นฐานทั่วไปให้ด้วย เณรเฉลียวฉลาดเรียนรู้ได้เร็ว พระอาจารย์สอนให้อ่านออกเขียนได้ สอนให้สวดมนต์ ในเวลาเดียวกันพระอาจารย์ได้สังเกตเห็นจุดอ่อนของเณรว่าเป็นคนอารมณ์ร้าย วู่วาม ชอบอวด เย่อหยิ่งทนงตน ตัวอย่างเช่น เขาเรียนรู้หนังสือได้เพียงไม่กี่ตัว ก็เที่ยวเขียนอวดเขียนโชว์ไปทั่ววัด หรืออย่างเช่นเพียงเข้าใจปรัชญาเซนนิดเดียวก็เที่ยวคุยโวกับพระรูปอื่นๆ ไม่เว้นกระทั่งกับพระอาจารย์ และที่น่าหัวเราะก็คือ เวลาพระอาจารย์พูดชมเพื่อให้กำลังใจเณร เขาก็รีบคุยอวดไปทั่ว ไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา คิดว่าข้านี้แน่ที่สุดแล้ว ไร้ผู้ใดเทียมทาน
เพื่อแก้ไขปรับปรุงเปลี่ยนแปลงท่วงทำนองที่ไม่ดีของเณร พระอาจารย์จึงคิดอุบายอบรมเขาอย่างแยบคายและสวยงามวิธีหนึ่ง วันนั้น พระอาจารย์ได้มอบดอกราตรีให้เณรกระถางหนึ่ง ดอกกำลังตูมรอผลิบาน โดยกำชับเณรให้คอยดูแลในตอนอยู่ยามกลางคืน และให้สังเกตสภาพการเบ่งบานของดอกตูมในกระถางด้วย
เช้าวันรุ่งขึ้น ไม่ทันที่พระอาจารย์จะเรียกหา เณรก็อุ้มกระถางดอกไม้วิ่งมาหาด้วยความดีใจแทบคลั่ง พูดกับพระอาจารย์ด้วยเสียงอันดังต่อหน้าพระทั้งหลายว่า
“กระถางดอกไม้ที่อาจารย์มอบให้ศิษย์ดูแลนี้แปลกมหัศจรรย์มาก เมื่อคืนดอกมันเบ่งบานส่งกลิ่นหอมกระจายไปทั่ว สวยงามมาก แต่ว่า พอรุ่งเช้ามันกลับหุบดอกและกลิ่นหอม…….”
พระอาจารย์พูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นว่า “เมื่อคืนตอนที่ดอกมันบานนั้น มันส่งเสียงดังปลุกเจ้าหรือเปล่า”
“ไม่เลยขอรับ” เณรน้อยตอบด้วยความดีใจ “มันบานออกและหุบลงด้วยความเงียบเชียบ จะมีเสียงรบกวนได้อย่างไรขอรับ”
“อือ.. ที่แท้มันเป็นเช่นนี้นี่เอง” พระอาจารย์พูดด้วยน้ำเสียงแปลกเป็นพิเศษว่า “ข้านึกว่าเวลาดอกไม้จะบานมันจะส่งเสียงดังเพื่อโอ้อวดเสียอีก”
เณรน้อยตะลึงไปพักหนึ่ง จากนั้นก้มหน้าที่แดงกล่ำพูดว่า “ศิษย์เข้าใจแล้ว ศิษย์จะปรับปรุงข้อผิดพลาดที่ผ่านมาอย่างแน่วแน่เด็ดขาดขอรับ”
ใส่ความเห็น