ในยุคปัจจุบันนี้ เรื่องของการบริหารทรัพยากรบุคคลทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ องค์กรแทบจะทุกองค์กรจะต้องมีฝ่ายทรัพยากรบุคคล เพื่อทำหน้าที่บริหารทรัพยากรบุคคลในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการสรรหาคัดเลือก การพัฒนาพนักงาน การบริหารผลงาน แรงงานสัมพันธ์ และเรื่องของการบริหารค่าจ้างเงินเดือนและสวัสดิการ
ในอดีตนั้นเรื่องของการบริหารค่าจ้างเงินเดือน มักจะเป็นเรื่องของเจ้าของบริษัทมากกว่า เมื่อสัก 15-20 ปีที่แล้ว เรื่องของการบริหารค่าจ้างเงินเดือนแบบสากลนั้นมักจะมีแค่เพียงบริษัทใหญ่ๆ เท่านั้นที่ทำกันจริงๆ จังๆ สำหรับบริษัทขนาดกลางๆ นั้น การบริหารค่าจ้างเงินเดือนมักจะเป็นเรื่องของเจ้าของบริษัท หรือไม่ก็กลุ่มผู้บริหารระดับสูงจะดูเอง ซึ่งตอนนั้นเรื่องค่าจ้างเงินเดือนยังไม่เปิดเผยขนาดนี้ เงินเดือนไม่ค่อยมีใครจะมาพูดคุยกัน
แต่สมัยนี้ไม่ใช่แล้ว พนักงานทุกคนเริ่มมีความรู้เรื่องของค่าจ้างเงินเดือนมากขึ้น เริ่มรู้ว่าตลาดเป็นอย่างไร และจ่ายกันอะไรบ้าง ซึ่งถ้านายจ้างยังคงบริหารเงินเดือนแบบปิด ก็คือ ไม่มีการอธิบายสื่อสาร และทำความเข้าใจหลักการที่ถูกต้อง ผมคิดว่า ขวัญและกำลังใจของพนักงานก็คงหายหมดได้เหมือนกัน
ก็เลยเป็นหน้าที่ของนักบริหารค่าจ้างเงินเดือนที่จะต้องทำหน้าที่ในการบริหารค่าจ้างค่าตอบแทนให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ เพื่อให้สามารถอธิบายได้ และเกิดความเป็นธรรมในการบริหารค่าจ้างพนักงานในองค์กร แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ยังมีนักบริหารค่าจ้างเงินเดือนที่ยังทำแค่ Payroll ก็เยอะ วันนี้ผมก็เลยเอาสิ่งที่นักบริหารค่าจ้างเงินเดือนมืออาชีพตัวจริงจะต้องทำ มาเล่าให้อ่านกันว่ามีอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้พัฒนาตนเองเป็นนักบริหารค่าจ้างมืออาชีพ
- ต้องหาให้เจอว่าการบริหารค่าจ้างขององค์กรเรานั้นแข่งขันกับตลาดใด และสภาพการจ่ายของตลาดที่เราแข่งด้วยนั้นเป็นอย่างไร มีองค์ประกอบของการจ่ายค่าจ้าง และสวัสดิการอะไรบ้างที่บริษัทเราควรจะพิจารณา เพื่อให้แข่งขันได้
- ต้องวิเคราะห์ให้ออกว่าบริษัทเราอยู่ ณ จุดไหนของตลาดที่เราแข่งขันด้วย ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน เงินได้อื่นๆ และสวัสดิการ และภาพรวมทั้งหมด ว่าเราจ่ายอะไรสูงอะไรต่ำ และถ้าจะให้แข่งขันได้ เราจะต้องปรับวิธีการบริหารค่าจ้างเงินเดือนและสวัสดิการอย่างไร
- สามารถกำหนด และเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ในการบริหารค่าจ้างเงินเดือนของบริษัท ได้ตามสภาพการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ใช่จ่ายยังไงเมื่อสิบปีที่แล้ว ผ่านไปสิบปี ก็ยังคงจ่ายอยู่แบบเดิมๆ ไม่มีการพัฒนาอะไร ดังนั้น เราต้องมองเห็นแนวโน้มของการให้ค่าตอบแทน และสวัสดิการ และเข้าใจสภาพแวดล้อมในการทำงานของคนในยุคปัจจุบัน เพื่อเชื่อมโยงความต้องการกับเรื่องค่าตอบแทนและสวัสดิการขององค์กรให้ได้
- สามารถวางระบบการบริหารค่าจ้างเงินเดือนของบริษัทได้ ไม่ว่าจะเป็นอัตราแรกจ้างพนักงานใหม่ หรือโครงสร้างค่าจ้าง และโครงสร้างเงินเดือน โครงสร้างการให้สวัสดิการพนักงาน และยังต้องบริหารการใช้โครงสร้างและระบบเหล่านี้ให้ทันสมัยอยู่เสมอ
- สามารถนำเสนอตัวเลขการขึ้นเงินเดือนประจำปีตามผลงาน โดยอ้างอิงจากข้อมูลเศรษฐกิจภายนอก และนำเอาอัตราการจ่ายของบริษัทมาพิจารณาได้ด้วย พร้อมกับสามารถนำเสนอผู้บริหารได้ว่าเราควรจะขึ้นเงินเดือนกันสักกี่เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้แข่งขันกับตลาดได้
- สามารถนำเสนอโครงสร้างสวัสดิการ และระบบสวัสดิการที่ทันสมัย ตรงกับความต้องการของพนักงานในองค์กรของเราได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้ระบบค่าตอบแทนและสวัสดิการที่เรามีนั้น สามารถดึงดูด และเก็บรักษาคนเก่ง ๆ เอาไว้ให้ได้
- สามารถตอบข้อซักถามกับพนักงาน และผู้จัดการสายงาน และผู้บริหารในการบริหารค่าจ้างเงินเดือนและสวัสดิการ ได้อย่างมีตรรกะ และบริหารค่าจ้างเงินเดือนอย่างเป็นธรรม โดยยึดหลักความเป็นธรรมภายในองค์กร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการบริหารค่าจ้างเงินเดือนภายในบริษัทเอง
นี่คือหน้าที่พื้นฐานหลักๆ ของนักบริหารค่าจ้างมืออาชีพที่จะต้องสร้างให้เกิดขึ้นในองค์กรที่ทำงานอยู่ โดยยึดหลักของการบริหารค่าจ้างเงินเดือนที่ว่า บริหารไปเพื่อที่จะดึงดูด และรักษาพนักงานให้ทำงานในองค์กรอย่างเต็มความสามารถ ถ้าเราบริหารค่าจ้างเงินเดือนได้อย่างเป็นธรรมแล้ว เรื่องนี้ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาที่พนักงานนำเอามาพูดคุย นินทา หรือเอามาคุยกันกลางโต๊ะอาหารอีกต่อไป
ใส่ความเห็น