แค่ฟังให้เข้าใจก่อนที่จะพูด ก็สร้างความสัมพันธ์ที่ดีได้แล้ว

ในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบุคคลนั้น สิ่งที่เป็นเครื่องมือพื้นฐานสำคัญก็คือ เรื่องของการสื่อความระหว่างคนสองคน ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ระหว่างคู่รัก ลูกพี่ลูกน้อง ฯลฯ ล้วนแล้วแต่จะต้องอาศัยการสื่อความที่ดี เพื่อที่จะเกิดความเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง

แต่พอเราพูดถึงเรื่องของการสื่อความ ทักษะแรกที่เราจะต้องคิดถึงก่อนก็คือ ทักษะการพูดก่อนเลย เรามักจะคิดเสมอว่าเราจะต้องพูดอย่างไรให้คนอื่นเข้าใจ หรือเราจะต้องพูดอย่างไรให้คนอื่นประทับใจ และรู้สึกดีกับเรา พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ เวลาเราสื่อความด้วยการพูดนั้น เรามักจะพยายามสื่อ และพูดในเรื่องของตัวเราเอง ให้คนอื่นเข้าใจเราว่าเราเป็นแบบนั้นแบบนี้ โดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร เรามักจะพยายามทำให้ตนเองเป็นคนสำคัญ เพื่อให้คนอื่นยอมรับเราให้ได้

แต่งานวิจัยมากมาย รวมทั้งเคล็ดลับคนดังระดับโลกที่ได้รับการยอมรับจากคนส่วนใหญ่ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ยิ่งเราพยายามจะพูดว่าเราสำคัญเท่าไหร่ เราจะได้รับการยอมรับจากคนอื่นน้อยลงเท่านั้น ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราพยายามเข้าใจคนอื่นก่อน พยายามที่จะทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเรากำลังเข้าใจเขา และเขาเป็นคนสำคัญของเรา เราจะได้รับการยอมรับจากคนผู้นั้นทันที โดยที่เราไม่ต้องโฆษณาตัวเองเลยสักนิดเดียว

ดังนั้นในการพัฒนาทักษะการสื่อความที่ดีนั้น ไม่ใช่มัวแต่คิดว่าจะพูดเรื่องที่เรารู้แต่เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการพัฒนาทักษะการฟังอย่างเข้าใจฝั่งตรงข้ามมากกว่า

ลองตอบคำถามนี้ดูว่า ถ้าเพื่อน หรือคนรู้จักมาปรึกษาเราว่า “ตอนนี้เขากำลังมีความขัดแย้งอย่างรุนแรงในการทำงานกับเจ้านาย เนื่องจากมีความคิดเห็นไม่ตรงกันในเรื่องของงบประมาณที่ใช้ในการทำงาน”

แล้วเพื่อนก็ถามเราว่า ควรจะทำอย่างไรดี ท่านจะตอบข้อใด

ก.  “เจ้านายน่ะหรอ อย่าไปสนใจเลย คนแบบนี้ไม่ค่อยฟังเหตุผลเราสักเท่าไหร่หรอก ทนไม่ได้ก็ลาออกเลยดีกว่า”

ข.  “เราว่านายน่าจะอดทนมากกว่านี้สักหน่อยนะ อย่าเพิ่งใจร้อนเลย ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากันจะดีกว่านะ”

ค.  “อ้าวหรอ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะ ทำไมถึงมีปัญหากันได้”

ท่านตอบข้อใดครับ??

งานวิจัยที่ผู้ตั้งคำถามนี้ไปถาม และได้คำตอบมา ส่วนใหญ่ตอบข้อ ก และ ข ซึ่งสองข้อนี้เป็นคำตอบที่เรากำลังบังคับให้เพื่อของเราทำอย่างที่เราต้องการมากกว่า เราไม่ได้กำลังจะทำความเข้าใจในปัญหาที่เขามาปรึกษาเราเลย ผลก็คือ คนที่มาปรึกษาเราอาจจะงง ๆ ว่า เรายังไม่ทันเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดเลย กลับมาบอกให้เราทำแบบนั้นแบบนี้

ดังนั้นคำตอบที่จะช่วยให้ฝั่งตรงข้ามรู้สึกว่าเรากำลังเข้าใจเขาอยู่ก็คือ ข้อ ค การตอบข้อ ค นั้นเป็นการตอบแบบที่ไม่ได้บังคับให้คนอื่นต้องคิดแบบเรา แต่เรากำลังสอบถามด้วยความใส่ใจว่า เกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่สบายใจเล่าให้เราฟังได้นะ และทำให้ฝั่งตรงข้ามรู้สึกว่าเรากำลังให้ความสำคัญกับเขามากกว่า ที่จะไปบังคับให้เขาทำแบบนั้นแบบนี้ ในแบบที่เราคิดเอง

การที่เขามาปรึกษาหารือกับเราแปลว่าเขาก็ยอมเปิดใจรับฟังเราบ้างอยู่แล้ว แต่ถ้าเราตอบข้อ ก หรือ ข บางทีอาจจะทำให้เขารู้สึกว่า เราไม่เคยเข้าใจเขาเลย ไม่เคยที่จะสอบถามถึงรายละเอียดก่อนเลย มีแต่ด่วนสรุป และคิดไปเองว่าเราควรจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ ผลก็คือ ครั้งต่อไปเขาก็จะไม่ค่อยมาปรึกษาหารือกับเราแล้ว เพราะเขาไม่คิดว่าเรากำลังจะเข้าใจเขาอยู่นั่นเอง

เทคนิคง่ายๆ ที่จะทำให้เราได้รับการยอมรับจากคนอื่นไม่ว่าจะเป็น เพื่อน แฟน ลูกน้อง หรือแม้กระทั่งนายของเราเอง ก็คือ การฟังอย่างเข้าใจ พยายามทำความเข้าใจในความรู้สึกของเขาก่อนที่จะรีบด่วนสรุป และอย่ายัดเยียดความคิดของเราให้กับผู้อื่น เพราะส่วนใหญ่เราจะมีแนวโน้มทำอย่างนั้นมากกว่า

เมื่อไหร่ที่เราเข้าใจคนอื่นอย่างแท้จริงแล้ว คนอื่นก็จะเข้าใจและยอมรับเราโดยอัตโนมัติ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปป่าวประกาศว่าเราเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ เขาจะรู้เองครับว่าเราเป็นอย่างไร

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s

บลอกที่ WordPress.com .

Up ↑

%d bloggers like this: