ช่วงนี้ในต่างประเทศกำลังคุยกันเยอะในเรื่องของการกลับสู่สภาพปกติของการทำงานก่อนโควิด19 เพราะบ้านเขาเริ่มที่จะเห็นแนวโน้มว่า จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงมาเรื่อยๆ แต่สำหรับบ้านเรานั้น ตอนนี้ (มิ.ย.64) จำนวนผู้ติดเชื้อยังไม่ลดลงเลย แต่ก็เริ่มมีมาตรการผ่อนปรนออกมามากขึ้น อันนี้คงไปแตะอะไรมากไม่ได้ เพราะเป็นนโยบายของทางรัฐบาลที่ออกมาในระยะนี้ อีกทั้งนโยบายเปิดประเทศในอีก 120 วันของท่านนายก
อย่างไรก็ดี คนที่ทำงาน HR เองก็คงต้องมองไปข้างหน้าพอสมควร ว่า ถ้าถึงวันที่เหตุการณ์โควิด 19 เข้าสู่ภาวะที่ควบคุมได้จริงๆ การทำงานขององค์กรเราจะไปต่ออย่างไร คงต้องวางแผนไว้ล่วงหน้าให้ดี
ประเด็นที่มีการพูดถึงเยอะมากในช่วงเวลานี้ของวิธีการทำงาน ก็คือคำว่า Hybrid Working จากบทความเมื่อวานนี้ที่ผมเขียนเกี่ยวกับเรื่องของออฟฟิศว่าอนาคตเราจะต้องมีสำนักงานไว้ทำงานอีกหรือไม่ ในประเทศไทยเองก็มีความคิดเรื่องนี้อยู่พอสมควร และแนวโน้มที่น่าจะเกิดขึ้นก็คือ การทำงานแบบ Hybrid Working นี่แหละครับ
ซึ่งก็คือ มีการผสมผสานการระหว่างการทำงานในออฟฟิศ กับการทำงานจากที่บ้าน องค์กรใดที่ตั้งใจว่าจะมีนโยบายการทำงานแบบนี้ ก็มีเรื่องที่ต้องพึงระวังดังต่อไปนี้
- Collaboration เรื่องของการทำงานร่วมกัน การประสานงาน และการทำงานเป็นทีม เมื่อไหร่ที่เราทำงานแยกกัน จากที่บ้าน หรือจากที่ไหนก็ได้ รวมทั้งทำงานที่ออฟฟิศก็ได้ สิ่งที่เราจะเห็นก็คือ บางคนเข้าออฟฟิศ บางคนอยู่บ้าน บางคนอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ฯลฯ แล้วการทำงานร่วมกัน การประสานงานกัน โดยเฉพาะการประสานงานกันในทันทีเดี๋ยวนี้ อาจจะเกิดปัญหาและข้อจำกัดขึ้นได้ ดังนั้น รวมถึงการสร้างบรรยากาศในการทำงานร่วมกัน การเป็นทีมเดียวกัน การทำงานแยกกันแบบนี้ อาจจะทำให้พนักงานเกิดความรู้สึกห่างกันมากขึ้นไปด้วย ซึ่งความห่างเหินตรงนี้ถ้าเราไม่มีวิธีการบริหารจัดการให้ดี ก็จะเกิดปัญหาเรื่องของการร่วมมือกันของพนักงานได้
- Innovation การคิดริเริ่มสิ่งใหม่ๆ มีงานวิจัยค่อนข้างเยอะที่สนับสนุนว่า ความคิดใหม่ๆ การสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ จะเกิดขึ้นได้ก็จากการที่พนักงานเข้ามาช่วยกันคิด ช่วยกันโต้แย้ง และต่อยอดออกมาเป็นความคิดใหม่ๆ ได้ การอยู่ห่างๆ กันแล้วประชุมร่วมกันแบบออนไลน์นั้น พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ทำให้เกิด Innovation ได้เลย เพราะแม้จะมีการควบคุมอย่างเต็มที่แต่พนักงานเองก็หลุดๆ ติดๆ อยู่ตลอดเวลา ถูกดึงออกจากสมาธิตลอดเวลา ดังนั้น การที่จะคิดให้เกิด Innovation นั้น บรรยากาศในการทำงานร่วมกันจริงๆ นั่งมองหน้ากัน โต้แย้งกัน มีบอร์ดให้เขียน ให้ลบ มีการพูดคุยมองตากัน มีสมาธิอยู่ในห้องเดียวกัน ฯลฯ จะช่วยทำให้ innovation และความคิดสร้างสรรค์ออกมาได้ดีกว่า นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ HR ต้องช่วยคิดว่าถ้าเราทำงานแบบ Hybrid กันจริงๆ เรื่องของ Innovation จะต้องทำอย่างไรดี
- Apprenticeship การเรียนรู้ของพนักงานใหม่ เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ เวลาที่เรารับพนักงานใหม่เข้ามา พนักงานใหม่คนนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการสอนงาน แนะนำงาน รวมทั้งหล่อหลอมวิธีคิดวิธีการทำงาน และวัฒนธรรม ค่านิยมขององค์กรเข้าไปให้ได้มากที่สุด และเร็วที่สุด วิธีการเดิมที่เราทำกันก็คือ พนักงานใหม่จะมีพี่เลี้ยง มีโคชคอยสอนและแนะนำงาน มีการติดตามดูการทำงานกันไปตลอดระยะเวลาประมาณ 3-4 เดือนแรกของการทำงาน ดังนั้น ถ้าเราทำงานกันแบบ Hybrid เราคงต้องวางแผนในเรื่องของการฝึกสอนพนักงานใหม่ให้ดี ว่าจะต้องทำอย่างไร ยิ่งถ้าพนักงานทุกคนทำงานจากที่บ้านกันหมด แล้วพนักงานใหม่จะทำอย่างไรดี จะไปนั่งทำงานที่บ้านของพนักงานก็คงจะไม่สะดวก
- Culture อีกเรื่องก็คือการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ขนาดทำงานด้วยกันในองค์กร เห็นหน้ากันทุกวัน เวลาจะสร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่ๆ ขึ้นมายังยากเลย แล้วถ้าต้องทำงานแบบ Hybrid กันจริงๆ เรื่องการปลูกฝัง หรือการสร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่ๆ เราจะทำกันอย่างไร เรื่องนี้ก็ต้องวางแผน และกำหนดแนวในการปฏิบัติให้ดีเช่นกัน
- Discrimination ความไม่เท่าเทียมกัน การทำงานแบบ Hybrid นั้นอาจจะทำให้พนักงานบางคนรู้สึกถึงความไม่เท่าเทียมกัน บางคนเข้าทำงานในออฟฟิศทุกวัน บางคนอยู่บ้านทำงานเป็นส่วนใหญ่ ไม่เคยเห็นหน้าในที่ทำงานเลย ก็อาจจะทำให้พนักงานที่ต้องทำงานในออฟฟิศเกิดความรู้สึกไม่เท่าเทียมกันในการทำงาน เกิดการเปรียบเทียบกับ และจะส่งผลต่อความขัดแย้ง และข้อเรียกร้องต่างๆ นานา ในเรื่องของค่าตอบแทนและสวัสดิการ บางคนมองว่า การเข้าทำงานที่ออฟฟิศแสดงว่าเราเป็นคนขยันและทุ่มเทให้กับบริษัทมากกว่า แต่คนที่ทำงานที่บ้านนั้นคือพวกที่ไม่ทุ่มเทให้กับการทำงาน ก็คิดกันไปต่างๆ นานา ซึ่งความแตกต่างตรงนี้เองที่จะนำพาไปสู่ความขัดแย้งในด้านต่างๆ ขึ้นได้ ดังนั้น HR จะต้องวางแผนให้ดีในเรื่องนี้ก่อนที่เราจะทำงานกันแบบ Hybrid แบบ 100%
แนวทางที่จะไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นก็คือ เราจะต้องกำหนดนโยบายให้ชัดเจน รวมไปถึงวิธีปฏิบัติต่างๆ และต้องสื่อสารให้พนักงานทุกคนเข้าใจกันอย่างเต็มที่ด้วย ให้มองเห็นภาพของข้อดี ข้อจำกัด และสิ่งที่จะต้องทำ รวมถึงถ้าจะต้องมีการปรับวิธีการให้ค่าตอบแทน หรือสวัสดิการในด้านต่างๆ ก็ต้องทำให้ชัดเจน อธิบายได้ และไม่ให้เกิดความขัดแย้งตามมา
ใส่ความเห็น