วันนี้เอานิทานสอนใจดีๆ มาให้อ่านกันครับ เกี่ยวกับเรื่องราวของคนที่มีความเข้าใจในตนเอง มีความพึงพอใจในสิ่งที่ตนเองมี ลองอ่านดูกันครับ
ที่แคว้นฉีมีชายขายเนื้อคนหนึ่ง เปิดร้านขายเนื้อเล็กๆ ซึ่งมีกิจการไม่เลวทีเดียว เขาจัดเป็นคนธรรมดาสามัญที่สุดคนหนึ่ง แต่มีความเข้าใจชีวิตดี มีความพอใจในอาชีพ และความเป็นอยู่ของตนเอง ไม่คิดฟุ้งซ่านสร้างวิมานในอากาศ
มีวันหนึ่ง กษัตริย์แคว้นฉีส่งอำมาตย์คนหนึ่งมาที่บ้านของคนขายเนื้อนั้น อำมาตย์คนนั้นบอกกับเขาว่า
“องค์กษัตริย์มีพระราชประสงค์จะยกพระธิดาให้ท่าน ถ้าท่านตอบรับ ไม่เพียงแต่จะได้รับสินสอดเงินทองมากมายมหาศาล ยังสามารถรับราชการเป็นขุนนางผู้ใหญ่ได้ด้วย นี่เป็นโอกาสที่ยากจะพบพานในรอบพันปี ข้าพเจ้าคิดว่าท่านคงไม่ปฏิเสธกระมัง”
ชายขายเนื้อตอบไปว่า
“ข้าพเจ้ารู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณขององค์กษัตริย์เป็นอย่างยิ่ง แต่ข้าพเจ้าไม่อาจรับเรื่องนี้ไว้ได้ เพราะข้าพเจ้าเป็นโรคชนิดหนึ่งซึ่งไม่มีทางรักษาหาย ขอท่านช่วยกราบขอพระราชทานอภัยโทษ และกราบบังคมทูลถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นของข้าพเจ้าด้วย”
หลังจากอำมาตย์คนนั้นกลับไปแล้ว เพื่อนบ้านและมิตรสหายของคนขายเนื้อต่างรุมตำหนิเขา ว่าไม่ควรปล่อยให้โอกาสดีเช่นนี้หลุดมือไป ชายคนขายเนื้อจึงชี้แจงว่า
“พวกท่านคิดว่านี้เป็นโอกาสดีหรือ ตัวฉันกลับไม่คิดเช่นนั้น ในใต้ฟ้าไหนเลยจะมีเรื่องราวที่สะดวกง่ายดายอย่างนี้ แคว้นฉีมีชายหนุ่มที่หล่อเหลาคมคาย สติปัญญาดีอยู่มากมาย แต่องกษัตริย์ไม่ยกพระธิดาให้คนอื่น กลับประจวบเหมาะมาพอใจ ตัวฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะพระราชธิดามีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์อย่างยิ่ง ก็แสดงว่าต้องมีข้อบกพร่องอะไรที่ร้ายแรงอยู่อย่างแน่นอน ถึงแม้ฉันจะเป็นเพียงคนขายเนื้อคนหนึ่ง ก็ไม่อาจที่จะแต่งงานกับหญิงที่ตนไม่ชอบเลย เพียงเพื่อทรัพย์สินเงินทอง”
ทุกคนแม้จะรู้สึกว่าคำพูดของเขามีเหตุผลอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่รู้สึกคล้อยตามไปเสียทั้งหมด
มีคนหนึ่งถามเขาว่า
“แกไปเอาความคิดนี้มาจากไหน”
คนขายเนื้อตอบว่า
“ฉันเป็นคนขายเนื้อ เรื่องอะไรอื่นฉันไม่ค่อยรู้มากนัก แต่เป็นเรื่องการขายเนื้อละก็ฉันคือผู้เชี่ยวชาญ เนื้อสดใหม่ แม้ราคาจะแพงขึ้นสักเล็กน้อย ผู้คนก็รุมกันซื้อ แต่ถ้าเป็นเนื้อเก่าที่เริ่มส่งกลิ่น แม้จะขายราคาถูก แล้วยังแถมกระดูกติดมันให้อีก ก็ไม่มีใครต้องการ”
คนจำนวนมากในโลกชอบคิดเข้าข้างตนเอง เวลาจะรักใครชอบใคร บางทีก็รู้ทั้งรู้ว่าคนๆนั้นเป็นคนไม่ดี ชอบยุ่งอบายมุข เจ้าชู้เป็นต้น แต่ก็ปลอบใจตนเองว่า เขาอาจจะไม่ดีกับคนอื่น แต่เราเป็นบุคคลพิเศษ เขาต้องดีกับเราแน่ ๆเลย เสร็จแล้วก็ต้องมานั่งน้ำตาตกในภายหลัง
หรือบางครั้งเวลามีคนเอาทรัพย์ เอาความโลภมาล่อทั้งๆที่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดดูไม่ค่อยสมเหตุสมผล น่าสงสัย แต่ก็คิดเข้าข้างตัวเองว่า คงเป็นโชคของเรา รีบคว้าเอาไว้ก่อนดีกว่า แล้วก็มีเรื่องเดือดร้อนเสียหายตามมาภายหลัง ความจริงแล้ว การคิดเข้าข้างตัวเองอย่างนี้ คือการยอมแพ้ต่ออำนาจกิเลส ความโลภ ความหลงในตัวนั่นเอง แล้วหาเหตุผลมาบอกกับตัวเองเพื่อจะทำตามความอยากของตัว
ถ้าเพียงแต่เราฝึกให้ตนเองเป็นคนรู้จักพอ คิดอะไรสุขุมรอบคอบ ดูเหตุ ดูผล ดูทั้งได้ทั้งเสียให้รัดกุม ไม่โลภ ไม่หวังลาภลอย เราจะขจัดเรื่องเดือดร้อนออกจากชีวิตไปได้มากทีเดียว และจะดำเนินชีวิตไปด้วยความสุขตามอัตภาพของตน
ใส่ความเห็น