วันศุกร์วนมาอีกครั้ง กับนิทานสอนใจ เพื่อเรียนรู้ และเพิ่มเติมมุมมองอันแตกต่าง ผ่านนิทานกันครับ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีฤๅษีผู้มีตบะกล้าตนหนึ่ง เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านมาก จึงได้สร้างศาลาไว้ให้ที่ชายป่าแห่งหนึ่ง และที่บริเวณนั้นมีตะกวดตัวหนึ่ง อาศัยอยู่ที่จอมปลวกใหญ่ ใกล้ที่อยู่ของฤๅษีนั้น ตะกวดตัวนี้มักจะไปหาฤๅษีเป็นประจำทุกวัน เพื่อไปทานอาหารที่ฤๅษีให้ เมื่อทานเสร็จแล้วจึงกลับไปอยู่ที่อยู่ของตน
ต่อมาไม่นาน ท่านฤๅษีได้อำลาชาวบ้านไปที่อื่น ต่อมาได้มีฤๅษีเจ้าเล่ห์ตนหนึ่ง เข้ามาอาศัยอยู่แทน ตะกวดก็คิดว่า แม้ท่านผู้นี้ก็คงทรงศีลเหมือนกัน จึงไปหาฤๅษีนั้นเช่นเดิม อยู่มาวันหนึ่งชาวบ้านแถวนั้นได้นำอาหาร มาถวายฤๅษี พอท่านได้ทานอาหารซึ่งมีเนื้อปรุงรสแล้วเกิดติดใจในรสนั้น และอยากจะทานอีก จึงแกล้งถามชาวบ้านว่า เนื้ออะไร? ชาวบ้านตอบว่า “เนื้อตะกวด”
เมื่อทราบว่าเป็นเนื้อตะกวด จึงคิดได้ว่า “มีตะกวดใหญ่ตัวหนึ่งมาหาเราเป็นประจำ ดีละเราจะฆ่ามันเพื่อกินเนื้อซะ ลาภปากมาหาถึงที่”
คิดแล้ว จึงให้ชาวบ้านเอาเครื่องปรุงมาเตรียมไว้ ส่วนตัวฤๅษีนั่งถือไม้ขนาดพอเหมาะซ่อนอยู่ข้างหลัง เย็นวันนั้น ตะกวดได้ไปหาฤๅษีตามปกติ ได้เห็นท่านั่งที่แปลกๆของฤๅษี จึงคิดว่า “วันนี้ฤๅษี ท่านนั่งหลับๆลืมๆ ชอบกลอยู่ นั่งท่าที่ไม่เหมือนวันก่อน ชำเลืองเราเป็นประจำ”
ตะกวดจึงคลานไปอยู่ใต้ทิศทางลม และได้กลิ่นเนื้อตะกวด จึงทราบทันที่ว่า ดาบสเจ้าเล่ห์นี้ คงกินเนื้อตะกวดแล้วเกิด ความติดใจ คราวนี้ หวังจะตีเรา เอาเนื้อไปทำเป็นอาหารแน่ ๆ เมื่อคิดได้เช่นนั้น จึงไม่ยอมเข้าไปใกล้ ถอยกลับแล้ววิ่งหนีไป
ฝ่ายฤๅษีเจ้าเล่ห์ทราบว่าตะกวดรู้ตัวแล้วไม่ยอมมาเข้าใกล้ จึงลุกขึ้นขว้างท่อนไม้ตามหลังไป ท่อนไม้ได้ถูกเพียงส่วนหางของตะกวดเท่านั้น ตะกวดตกใจรีบหลบเข้าไปในจอมปลวกอย่างรวดเร็ว โผล่เพียงศีรษะออกมาเท่านั้น และกล่าวติเตียนฤๅษีว่า
“นี่เจ้าฤๅษีผู้ไร้ยางอาย จะมีประโยชน์อะไรแก่เจ้า ด้วยการแต่งตัวเป็นผู้ทรงศีล แต่จิตใจกลับชั่วร้ายหลอกลวงไม่มีความเมตตา ดีแต่ข้างนอกแต่ข้างในกลวง หลอกลวงได้แต่เฉพาะพวกรู้ไม่ทันเท่านั้น” ว่าแล้วตะกวดก็มุดลงรู และไม่เคยมาหาฤๅษีอีกเลย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “อำนาจของความอยาก และความโลภ ทำให้คนหลงลืมตัวและเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว”
ใส่ความเห็น