จะทุกข์ หรือจะสุข ล้วนอยู่ที่ใจของเรา ผมเชื่อว่า ท่านผู้อ่านหลายท่านน่าจะพอมีประสบการณ์ในเรื่องนี้มาบ้าง คนเรามีมุมมองต่อเรื่องหนึ่งๆ ไม่เหมือนกัน คนที่มองว่าเป็นปัญหา มันก็จะเป็นปัญหา คนที่มองว่ามันเป็นโอกาส มันก็คือโอกาส ดังนั้น มุมมองของเราจึงทำให้เราสุข หรือ ทุกข์ได้ทั้งสิ้น และที่สำคัญก็คือ คนเรา เลือกได้ว่าที่จะมองในมุมไหน … เราเลือกได้
ขณะที่พระอาจารย์ท่านหนึ่งธุดงค์ผ่านบ้านของหญิงชราท่านหนึ่งสองสามวันที่ผ่านมาก็เห็นหญิงชรานั่งร้องไห้อยู่ทุกวัน จึงเข้าไปถามว่า
“ทำไมท่านถึงต้องร้องไห้ทุกวัน มีเรื่องทุกข์ร้อนอันใดหรือ? ลองเล่าให้ฟังหน่อยซี เผื่อจะช่วยเหลืออะไรท่านได้”
หญิงชรานั้นเล่าให้ฟังว่า “ข้าพเจ้ามีลูกสาวสองคน ลูกสาวคนโตแต่งงานไปกับคนขายรองเท้า ลูกสาวคนเล็กแต่งไปกับคนขายร่ม ขณะที่เป็นหน้าแล้งข้าพเจ้าก็คิดถึงลูกสาวคนเล็กต้องขายร่มไม่ได้แน่นอน ดังนั้นจึงรู้สึกปวดร้าวในใจ แล้วขณะที่ฝนตก ย่อมจะต้องไม่มีลูกค้าเข้ามาซื้อรองเท้าเป็นแน่ คิดๆแล้วข้าพเจ้าก็อดร้องไห้ไม่ได้”
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง เจ้าคิดอย่างนี้ไม่ถูกหรอก” พระอาจารย์กล่าว
“คนเป็นแม่เป็นห่วงลูกสาว ทำไมจะไม่ถูก? แม้ว่าจะรู้ตัวว่า เป็นห่วงไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ข้าพเจ้าก็ควบคุมตัวเองไม่ได้”
“เป็นห่วงลูกสาวนั้นไม่ผิดหรอก แต่เจ้าทำไมไม่คิดดีใจแทนลูกสาวเล่าลองคิดดู เวลาฝนไม่ตก ร้านรองเท้าของลูกสาวคนโต ย่อมจะต้องขายดิบขายดี เวลาที่ฝนตก ร่มของลูกสาวคนเล็กย่อมจะต้องขายดีแน่นอน เจ้าควรจะดีใจแทนพวกเขาทุกวันถึงจะถูก ทำไมถึงยังต้องเศร้าโศกอีก?”
หญิงชราได้ยินพระอาจารย์พูดอย่างนั้น รู้สึกโล่งใจและเข้าใจอะไรขึ้นมาหลังจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นหน้าฝนหรือหน้าแล้ง หล่อนก็ยิ้มอย่างมีความสุขทุกวัน
ใส่ความเห็น