เครื่องมือในการกำหนดเป้าหมาย เพื่อทำให้องค์กรไปสู่ความสำเร็จนั้น มีมากมาย องค์กรหลายแห่งต่างก็พยายามที่จะหาเครื่องมือต่างๆ ในการกำหนดเป้าหมายมาใช้กัน เพราะคิดกันแค่เพียงว่า ถ้ามีเครื่องมือในการกำหนดเป้าหมายที่ดี องค์กรก็น่าจะบรรลุเป้าหมายนั้นได้ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือ
องค์กรแห่งหนึ่ง เริ่มต้นกำหนดเป้าหมายด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า MBO หรือ Management by Objective เพราะในอดีตมีหลายคนบอกว่าเป็นเครื่องมือที่ดี ที่นำพาองค์กรหลายแห่งไปสู่เป้าหมายได้อย่างดี ก็เลยเอามาใช้บ้าง แต่พอเริ่มใช้ได้ไม่นาน ก็เห็นว่า มันไม่เห็นจะเหมือนกับองค์กรอื่นที่เล่าๆ กันมาเลย
ก็เลยเปลี่ยนใหม่ เอา Balanced Scorecard มาใช้ เพราะได้ยินมาว่าเป็นเครื่องมือที่ดี ทำให้เราสามารถมองเห็นกลยุทธ์ได้ อีกทั้งยังสามารถกำหนดเป้าหมายความสำเร็จในแต่ละมุมมองที่สำคัญๆ ขององค์กรได้ดีอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นก็มีหลายองค์กรที่นำมาใช้แล้วประสบความสำเร็จมากมาย สุดท้ายก็ใช้แล้วไม่สำเร็จ เป้าหมายที่ตั้งไว้ ก็ไปไม่ถึงเหมือนกับองค์กรอื่นที่เขาเล่าให้ฟังเป็นกรณีศึกษา
จากนั้นไม่นานก็มีคนมาบอกว่า ใช้ KPI ในการกำหนดเป้าหมายสิ น่าจะเป็นเรื่องที่ดี มีหลายแห่งใช้แล้วสำเร็จ ก็เปลี่ยนเป็น KPI และ KPI ก็ยังไม่ทันสำเร็จดี ก็หันมาเปลี่ยนเป็น OKR เพราะมีแต่คนบอกว่า เครื่องมือนี้จะทำให้องค์กรเราประสบความสำเร็จแบบสิบเท่าตัวเลย พร้อมกับยกตัวอย่างชื่อองค์กรที่โด่งดังมาเป็นจุดขาย
ให้ทายว่าเปลี่ยนใหม่แล้วจะประสบความสำเร็จหรือไม่
ในมุมมองผม เครื่องมือในการกำหนดเป้าหมายทุกตัว เป็นเครื่องมือที่ดี เป็นเครื่องมือที่บอกเราได้ว่า ในอนาคตอีก 3 เดือน 1 ปี 2 ปี หรือ 5ปีนั้น เราอยากที่จะประสบความสำเร็จในเรื่องอะไร ด้านไหน และมีอะไรเป็นตัวบอกเราได้ว่า เราสำเร็จแล้ว ก็จะถูกกำหนดออกมาเป็นเป้าหมาย ซึ่งสามารถวัดได้ชัดเจน ทุกเครื่องมือเป็นแบบนี้หมด
ท่านลองเอาทุกเครื่องมือที่เอ่ยชื่อมาข้างต้น มาใช้กำหนดเป้าหมายขององค์กร หน่วยงาน และตำแหน่งงานดูสิครับ ผลที่ได้ออกมาแทบจะไม่แตกต่างกันเลย ถ้าเรามองภาพความสำเร็จในอนาคตที่เหมือนกัน จะใช้เครื่องมืออะไร ตัววัดความสำเร็จแทบจะไม่แตกต่างกัน
นอกจากเครื่องมือในการกำหนดเป้าหมายแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ วิธีการในการไปสู่เป้าหมาย มีเป้าหมายแล้ว แต่ถ้าไม่มีวิธีการไปสู่เป้าหมาย ก็เท่ากับไม่มีเป้าหมายอยู่ดี เหมือนกำหนดไว้เท่ๆ แต่ไม่สามารถไปถึงได้
องค์กรที่เขาประสบความสำเร็จอย่างมากมายนั้น เขากำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนมากๆ โดยจะใช้เครื่องมืออะไรก็แล้วแต่ สิ่งที่เขาทำต่อก็คือ
- สื่อสารเป้าหมายนั้นไปยังทุกหน่วยงาน ทุกตำแหน่งงานในองค์กร
- จากนั้นก็ต้องหาวิธีการไปสู่เป้าหมายนั้นให้ได้ โดยการวางแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนเลยว่า แต่ละวันจะต้องทำอะไรบ้าง
- สื่อสารความคืบหน้ากันบ่อยๆ เพื่อจะได้ปรับเปลี่ยนแผนงานได้ทันท่วงที ไม่ปล่อยให้เกิดผลเสียขึ้นก่อนแล้วค่อยมานั่งคุย
- มีการบันทึกความคืบหน้าของผลลัพธ์เป็นระยะๆ โดยมีความเชื่อที่ว่า ถ้าสามารถทำทุกวันให้ได้เป้าหมาย ทุกเดือนก็จะได้เป้า ทุกไตรมาสก็จะได้เป้า และทุกปี ก็จะได้เป้าเช่นกัน
ดังนั้นอย่ามัวแต่หาเครื่องมือจนลืมเรื่องของการหาหนทางไปสู่เป้าหมาย วิธีคิด วิธีการทำงาน ระบบการทำงานเพื่อไปสู่เป้าหมายนั้นสำคัญมากกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ชัดเจนตั้งแต่ต้นปี
การที่จะบรรลุเป้าหมาย 10 เท่า แปลว่า เราต้องเปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำงานหมด ต้องรุก และรับ แบบที่แตกต่างจากเดิม เพราะถ้าเราทำเหมือนเดิมกับที่ปีที่แล้วทำ เราก็ได้ผลลัพธ์เท่ากับปีที่แล้วเช่นกัน
ดังนั้น การที่องค์กรของเรามีเครื่องมือในการกำหนดเป้าหมายแบบใหม่ๆ ไม่ได้รับประกันว่าองค์กรเราจะบรรลุเป้าหมายได้แน่นอน
ถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงวิธีคิดวิธีการทำงานใหม่ จะมีอีกกี่เครื่องมือ ผลก็ออกมาไม่แตกต่างจากเดิมแน่นอน
ประคัลภ์ ปัณฑพลังกูร: Think People Consulting
Prakal's Blog: HR Knowledge Community 
ใส่ความเห็น