วันนี้วันศุกร์ เอานิทานดีๆ มาให้อ่านกันครับ วันนี้เปลี่ยนเป็นนิทานเซนบ้าง ผมนำมาจากเว็บไซต์ whatami.net นิทานแปลโดยคุณ คุณแสงดาว ครับ ลองอ่านดูนะครับ
ลูกศิษย์คนหนึ่งมาถามพระอาจารย์ว่า “ ศิษย์นั่งสมาธิทุกวัน สวดมนต์บ่อยๆ นอนแต่หัวค่ำ ตื่นแต่เช้า จิตไม่คิดฟุ้งซ่านในสถานที่ปฏิบัติธรรมแห่งนี้ รู้สึกจะไม่มีใครขยันไปกว่าข้าพเจ้า แล้วทำไมถึงยังไม่รู้แจ้งสักที “
พระอาจารย์นำน้ำเต้า และเกลือหยาบให้ลูกศิษย์ แล้วบอกว่า
“เจ้านำน้ำเต้านี้ไปใส่น้ำให้เต็ม แล้วใส่เกลือเข้าไป ถ้าหากมันละลายทันที เจ้าจะรู้แจ้งทันที“
ลูกศิษย์ทำตามวิธีที่อาจารย์บอก สักครู่ก็กลับมาบอกว่า
“พอใส่น้ำเต็มแล้ว ปากน้ำเต้าเล็กไป ใส่เกลือลงไปมันไม่ละลาย เอาตะเกียบลงไปก็คนไม่ได้ ดูแล้วศิษย์คงจะไม่สามารถรู้แจ้งได้แล้ว“
พระอาจารย์เลยเทน้ำออกไปบางส่วน ใส่เกลือลงไปแล้วเขย่า สักประเดี๋ยวเกลือก็ละลาย พระอาจารย์พูดต่อว่า
“ขยันทั้งวัน ไม่เหลือจิตปกติที่ว่างเปล่าไว้บ้าง ก็เหมือนกับน้ำเต้าที่ใส่น้ำจนเต็มแล้วเขย่าไม่ได้ คนไม่ได้ จะละลายเกลือได้อย่างไร แล้วจะรู้แจ้งได้อย่างไร?“
“หรือว่าไม่ขยันแล้วจะรู้แจ้งได้“ ลูกศิษย์ถาม
“การปฏิบัติธรรมก็เหมือนการดีดพิณ สายพิณตึงเกินไป ย่อมขาดง่าย สายพิณที่อ่อนเกินไปก็ไม่เกิดเสียง ทางสายกลาง จิตปกติธรรมดา ถึงจะเป็นฐานที่ทำให้เกิดการรู้แจ้ง”
อ่านจบแล้วคิดอย่างไรครับ
การที่เราทำอะไรสุดโต่งจนเกินไป ไม่เหลือที่ไว้ให้ใช้ความคิด หรือนำสิ่งที่เรียนมาประยุกต์ใช้จริงบ้าง ไม่เหลือที่ไว้ให้ลองผิดลองถูกบ้าง มันก็จะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย เหมือนกับน้ำที่เต็มจนเกินไป เลยไม่มีที่ว่างพอที่จะเขย่าเพื่อละลายเกลือ
การเรียนรู้ก็เช่นกัน มากไป เข้มไป ก็จะได้แต่ทฤษฎี จนไม่มีที่ว่างมากพอที่จะนำไปประยุกต์ใช้ น้อยเกินไป ก็ไม่มีพื้นฐานความรู้ที่แน่นพอที่จะนำมาใช้งานจริงอีกเช่นกัน
ดีที่สุดก็คงต้องเป็นทางสายกลายจริงๆ
ใส่ความเห็น