วันนี้ผมได้เรียบเรียงเนื้อหาอย่างย่อ ของบทที่ 1 ของหนังสือชื่อ Powerful ซึ่งเขียนโดย Patty McCord มาให้อ่านกันต่อนะครับ หลังจากที่ได้มีการสรุปบทนำมาให้อ่านกันไป ก็มีผู้อ่านเขียนมาสอบถามว่า เมื่อไหร่จะสรุปบทที่ 1 ให้อ่าน ก็เลยสรุปมาให้อ่านในวันนี้ครับ ใครที่อยากได้เป็น pdf ไฟล์ ก็สามารถคลิ้ก Download ได้ที่ชื่อบทความด้านล่างสุดของหน้านี้ได้เลยนะครับ
ในบทที่หนึ่งนี้ผู้เขียนได้กล่าวถึงความสำเร็จของการสร้างทีมงานและการสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้กับพนักงานในทีมรโดยสรุปได้ประเด็นดังต่อไปนี้
- ทีมงานที่ดีจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ ทุกคนในทีมรู้ว่าพวกเขากำลังจะเดินไปยังเป้าหมายไหนและรู้ว่าตัวเองมีส่วนในการที่จะไปสู่เป้าหมายนั้นได้อย่างไร กล่าวคือทุกคนจะต้องรู้ว่างานของตัวเองนั้นมีส่วนที่จะทำให้เป้าหมายใหญ่ของทีมบรรลุได้อย่างไร ถ้าพนักงานทุกคนในทีมทราบ การทำงานเป็นทีมจะเกิดขึ้นได้อย่างดี
- จากประสบการณ์ของผู้เขียน เล่าว่าทีมงานที่ดีไม่ได้เกิดจากเงินอัดฉีดหรือเกิดจากระเบียบปฏิบัติที่เคร่งครัดจนเกินไป หรือเกิดจากผลประโยชน์ต่างๆ ที่ส่งมอบให้กับพนักงาน แต่ทีมที่ดีจะเกิดจากการจ้างคนเก่ง ที่เป็นผู้ใหญ่พอ และชอบที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาที่ท้าทาย เอาปัญหาเหล่านั้นมาพูดคุยกับทุกคนในทีมอย่างตรงไปตรงมา และสม่ำเสมอเพื่อให้ทีมแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้อย่างลุล่วงตามเป้าหมาย
- ทีมงานที่ดีจะชอบความท้าทายและชอบปัญหา เวลาที่ผู้เขียนจะจ้างพนักงานเข้ามาทำงาน เขาจะหาคนที่มีความรู้สึกตื่นเต้นเวลาที่ได้เจอกับปัญหาที่ต้องแก้ไข ไม่ได้กลัวปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ชอบที่จะเข้ามาแก้ไขโดยคิดหาทางออกที่มันดีกว่าเดิม รวมทั้งมีเพื่อนร่วมงานเก่งๆ ที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหานั้นให้บรรลุได้อย่างดี
- ผู้เขียนยังเชื่ออีกว่า การที่ทีมงานจะสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมได้นั้น ทีมงานจำเป็นที่จะต้องรู้ว่าเป้าหมายสูงสุดที่จะต้องทำคืออะไรและสื่อสารกันภายในทีมอย่างดี พร้อมกันนั้นก็ส่งเสริมให้เกิดการถกเถียงกันภายในทีม เพื่อสุดท้ายแล้วทีมงานจะมุ่งไปหาเป้าหมายเดียวกันได้
- และเพื่อความสำเร็จร่วมกันพวกเขาไม่ได้ต้องการกฎระเบียบปฏิบัติอันเคร่งครัด และละเอียดซับซ้อน และที่สำคัญพวกเขาไม่ได้สร้างความสำเร็จเพื่อเงินจูงใจก้อนโตอย่างแน่นอน
- ผู้เขียนยังเชื่ออีกว่า ถ้าเราเชื่อใจพนักงานเก่งๆที่เราหาเข้ามา เขาก็พร้อมที่จะสร้างผลงานที่ดีให้กับเรา ดังนั้นกฎเกณฑ์ระเบียบข้อบังคับต่างๆ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้กับคนเก่งๆเหล่านี้ องค์กรนี้ก็เลยเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถที่จะบริหารเวลาการทำงานของตัวเองไม่ว่าจะเป็นเรื่องวันลาต่างๆ เช่นการลาพักร้อน เราก็บอกว่าให้ลาได้ตามสมควรแล้วแต่ดุลยพินิจของพนักงานแต่ละคน ผลสุดท้ายองค์กรก็ไม่เห็นจะมีพนักงานคนไหนที่ลาพักร้อนอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อจะได้เปรียบจากจุดนี้เลยซักคน
- และเมื่อพบพนักงานที่พยายามที่จะเอาเปรียบจากเรื่องต่างๆ เหล่านี้ ทั้งๆ ที่องค์กรได้ให้อิสระ และให้ความเชื่อมั่นต่อพนักงานว่าจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่พนักงานคนนั้นกลับไม่ใช้ความเชื่อถือให้เป็นประโยชน์ แต่กลับสร้างปัญหาในการทำงาน องค์กรก็จะใช้นโยบายจากกันด้วยดีเพราะถือว่าพนักงานคนนี้ไม่เหมาะกับองค์กร
- ใช้นโยบายหาคนเก่งๆ ที่พร้อมจะทำงาน คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ดีเลิศ พร้อมกับความมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาต่างๆ จากนั้นก็ให้อิสระกับคนเก่งเหล่านี้ ในการทำงานด้วยตัวของเขาเอง โดยไม่ต้องไปตีกรอบ และใช้ระเบียบข้อบังคับมากมาย เพื่อเปิดโอกาสให้เขาใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างสูงสุด
- ที่ Netflix เชื่อว่า ควรทำงานด้วยนโยบายระเบียบปฏิบัติกฎเกณฑ์ และการขออนุมัติต่างๆ ที่น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะคำสั่งจากบนลงล่างมักจะถ่วงเวลา และสร้างความล่าช้าในการทำงาน เราสามารถทดลองวิธีการต่างๆ ไปเรื่อยๆ เช่น เพิ่มนโยบายนั้น ปรับลดนโยบายนี้ ปรับเปลี่ยนนโยบายโน้น ถ้าไม่ดีก็ย้อนกลับมาทำใหม่ได้ ถ้าดีก็ใช้ต่อไปสิ่งเหล่านี้ ถือเป็นสิ่งปกติที่เกิดขึ้นในองค์กรสุดท้ายวัตถุประสงค์คือ เพื่อสร้างความคล่องตัวให้กับพนักงานในการที่จะผลักดันผลงานของตนเองได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องมากังวลกับเรื่องของระเบียบข้อบังคับหยุมหยิมต่างๆ นานามากมายจนเกินไป
Download pdf:
ใส่ความเห็น