วันนี้เอานิทานดีๆ มาให้อ่านกันอีกเช่นเคยนะครับ คนเราถ้าเรียนรู้จุดแข็งของคนอื่นได้ และยอมรับว่าตนเองมีจุดอ่อน และสามารถนำเอาจุดแข็งของคนอื่นมาใช้เสริมจุดอ่อนของตนได้นั้น ถือว่า เป็นคนที่สามารถพัฒนาตนเองได้อย่างดี อีกทั้งยังได้การทำงานเป็นทีมที่ดีอีกด้วย ผิดกับคนที่มัวแต่จับจ้องแต่จุดอ่อนของคนอื่นแต่เพียงอย่างเดียว ลองอ่านนิทานวันนี้ดูนะครับ
คนตาบอดคนหนึ่ง คนขาพิการคนหนึ่ง เมื่อจับมือไปด้วยกัน คนตาบอดมองไม่เห็นทาง ได้แค่คลำทางไปข้างหน้า ดังนั้น จึงไปได้ช้ามาก คนขาพิการ ก็มีขาที่มีปัญหา ดังนั้นเดินบนถนนก็ช้ามากเช่นเดียวกัน
เมื่อทั้งสองเดินไป จู่ๆ คนตาบอดก็พูดขึ้นมาว่า
“ถ้าหากตาของฉันไม่บอดก็จะดี เพราะด้วยเรี่ยวแรงของขาทั้งสองข้าง ข้าจะเป็นนักกีฬาที่ดีได้แน่ๆ แต่ตอนนี้แค่จะเดินยังมีปัญหาเลย เฮ้อ!”
คนขาพิการได้ยินคนตาบอดพูดแบบนั้น รู้สึกเศร้าเสียใจอยู่ข้างๆ และพูดว่า
“ตาของข้ากลับดีมาก มองเห็นอย่างชัดเจน แต่แล้วยังไงเล่า ขาของข้ามีปัญหาเดินไม่ได้เร็วเหมือนเจ้า เฮ้อ!”
ในเวลานั้นเองผู้ปราดเปรื่องผู้หนึ่งเดินผ่านพวกเขาไป และกล่าวกับพวกเขาว่า
“ท่านทั้งสองต่างคนต่างมีข้อดีของตัวเอง หากท่านสามารถเรียนรู้จากกันและกันได้ ปัญหาทั้งหมดก็จะถูกแก้ไขไปแล้วใช่หรือไม่”
คนตาบอดและคนขาพิการเข้าใจถึงคำพูดของผู้ปราดเปรื่องอย่างรวดเร็ว คนตาบอดก้มตัวลงและแบกคนพิการขึ้นหลัง คนขาพิการรับผิดชอบในการชี้นำทาง ส่วนคนตาบอดรับผิดชอบในการเป็นตัววิ่งไปตามทางที่บอก
พอทั้งได้เรียนรู้จุดแข็งและนำมาประสานกัน ทั้งสองก็ได้ความรวดเร็วในการก้าวไปข้างหน้าได้ไม่น้อยเลย
ชีวิตของคนเราไม่ได้เป็นเช่นนั้นหรือ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ไม่ว่าคุณจะฉลาดแค่ไหน คุณก็ยังคงมีข้อบกพร่องของตนเองอยู่เสมอ มีเพียงการนำจุดแข็งของผู้อื่นมาเสริมจุดด้อยของตนเองเท่านั้น ชีวิตและการงานจึงจะสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง
ประสบการณ์มากมายในชีวิตได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่า มีเพียงการมองจุดแข็งของผู้อื่น และเรียนรู้จากพวกเขาด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน ใช้จุดแข็งของผู้อื่นเพื่อชดเชยข้อบกพร่องของตนเอง เราจึงจะสามารถปรับปรุงตัวเองได้อย่างสมบูรณ์และต่อเนื่อง สุดท้ายเราก็จะได้รับความสำเร็จ
หากแต่มัวจ้องมองที่ข้อบกพร่องของผู้อื่น แต่ไม่สามารถมองเห็นข้อบกพร่องของตนเองได้ คนแบบนี้ได้เพียงแต่ใช้เวลาไปกับการชี่นชมตนเองเท่านั้น แต่จะไม่มีความก้าวหน้าเกิดขึ้นเลย เพราะบางครั้งสิ่งที่เรามัวแต่ชื่นชมตนเองนั้น มันก็ไม่ได้ทำให้เราก้าวหน้าไปได้แต่อย่างใด
จากหนังสือเรื่อง ปัญญาแห่งเซน เรียบเรียงโดย หวังเหยียน และแปลโดย พีร ดำรงรัตน์
ใส่ความเห็น